คนไทยในเนปาลแจ้งสถานทูตไทย ขอกลับประเทศเพิ่มเติม

กระทรวงการต่างประเทศรายงานเหตุแผ่นดินไหวและการช่วยเหลือคนไทยในเนปาล ซึ่งจนถึงขณะนี้ยังมีคนไทยที่พำนักอยู่ที่สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงกาฐมาณฑุ 3 คน กับมีเจ้าหน้าที่ของสถานเอกอัครราชทูตฯ และครอบครัว อีก 11 คน ทั้งนี้เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทำให้มีผู้เสียชีวิตแล้ว 7,056 ศพ บาดเจ็บ 14,123 คน จำนวนบ้านเรือนพังทลาย 142,388 หลัง และจำนวนบ้านเรือนที่ได้รับความเสียหาย 155,884 หลัง

ส่วนเครื่องบินลำเลียง 2 ลำของกองทัพอากาศนำสิ่งของสิ่งของพระราชทานจากสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ สยามบรมราชกุมารี มายังเนปาล โดยคนไทยที่มีแหล่งพำนักในเนปาล แสดงความประสงค์จะส่งบุตร 3 คน เดินทางกลับประเทศไทยไปพร้อมกับเครื่องบินลำนี้

ด้านชุดบัญชาการกองทัพไทย ได้ลงพื้นที่และให้ความช่วยเหลือประชาชนผู้ประสบภัยที่เมืองโตกา ห่างจากกรุงกาฐมาณฑุไปทางตะวันออกเฉียงเหนือ 5 กิโลเมตร ส่วนหน่วยแพทย์ทหารตั้งศูนย์ที่สินธุปาลโจก และสินธุโกต ห่างจากกรุงกาฐมาณฑุ ประมาณ 40 กิโลเมตร และประสานงานกับโรงพยาบาลดูลิเกล ซึ่งเป็นโรงพยาบาลประจำเมืองสินธุปาลโจก เพื่อวางระบบการสนับสนับสนุนและการส่งผู้ป่วยจากโรงพยาบาลสนามไปดูแลรักษาต่อไป

ด้านฮินดูสถานไทมส์ รายงานว่า หน่วยกู้ภัยและทหารเนปาล พบผู้รอดชีวิตเพิ่มเติมใต้ซากแผ่นดินไหว หลังเวลาผ่านพ้นไปนานกว่า 168 ชั่วโมง หรือ 7 วัน เป็นชายอายุ 101 ปี ชื่อนายฟางชู ทามัง ติดอยู่ใต้ซากบ้านตนเองที่หมู่บ้านคิมทัง เมืองนุวาโกต เป็นหนึ่งใน 14 เขตที่เสียหายร้ายแรงที่สุดในเหตุแผ่นดินไหวครั้งนี้ โดยเขาได้รับบาดเจ็บเล็กน้อยที่แขนซ้าย ขาซ้าย และหน้าอก ซึ่งแพทย์ที่โรงพยาบาลที่เมืองพิทูรแจ้งว่าสุขภาพยังดี ซึ่งนายทามังบอกว่า เคยประสบเหตุแผ่นดินไหวเมื่อครั้งที่มีอายุยี่สิบเศษ ในปี 2477 ส่วนที่ครั้งนี้ยังสามารถรอดชีวิตมาได้ก็เพราะมีแป้งและน้ำอยู่ใกล้ๆ

..