หุ้นของบริษัทแอปเปิลร่วงลงติดต่อกันเป็นวันที่ 2 หลังมีรายงานว่าเจ้าหน้าที่ของรัฐบาลจีนถูกสั่งห้ามไม่ให้ใช้งานโทรศัพท์มือถือไอโฟนของแอปเปิล โดยมูลค่าหุ้นของแอปเปิลร่วงลงกว่า ร้อยละ 6 หรือเกือบ 200,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ คิดเป็นเงินไทยราว 7.104 ล้านล้านบาท ในช่วง 2 วันมานี้
ก่อนหน้านี้เมื่อวันพุธ (6 ก.ย.) วอลล์สตรีทเจอร์นัลรายงานว่า จีนได้ออกคำสั่งห้ามไม่ให้เจ้าหน้าที่ของหน่วยงานรัฐบาลกลางนำโทรศัพท์ไอโฟนมายังที่ทำงาน หรือใช้ทำงาน โดยในวันต่อมาสำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานว่า การแบนดังกล่าวอาจรวมถึงพนักงานของบริษัทรัฐวิสาหกิจ หรือหน่วยงานที่ได้รับการหนุนหลังจากรัฐบาลจีน
รายงานดังกล่าวมีขึ้นก่อนหน้าการเปิดตัวโทรศัพท์มือถือไอโฟน 15 ในวันที่ 12 กันยายนนี้ โดย รัฐบาลจีนยังไม่ได้ออกแถลงการณ์อย่างเป็นทางการเกี่ยวกับรายงานดังกล่าวของวอลล์สตรีทเจอร์นัลและบลูมเบิร์กแต่อย่างใด
นอกจากแอปเปิลแล้ว หุ้นของบริษัทผู้ผลิตของแอปเปิลบางแห่งก็ปรับตัวลดลงเช่นกัน อาทิ หุ้นของควอลคอมม์ บริษัทผู้ผลิตชิปโทรศัพท์สมาร์ทโฟนรายใหญ่ที่สุดของโลก ร่วงลงกว่าร้อยละ 7 เมื่อวันที่ 7 กันยายน รวมถึงหุ้นของบริษัทเอสเค ไฮนิกซ์ ประเทศเกาหลีใต้ก็ลดลงร้อยละ 4 ในวันที่ 8 กันยายนเช่นกัน
ประเทศจีนถือเป็นตลาดใหญ่ที่สุดเป็นอันดับ 3 ของแอปเปิล โดยคิดเป็นร้อยละ 18 ของรายรับทั้งหมดของแอปเปิลเมื่อปีที่แล้ว และเป็นแหล่งการผลิตสินค้าส่วนใหญ่ของแอปเปิล ที่ผลิตโดยบริษัทฟ็อกซ์คอนน์
การแข่งขันทางเทคโนโลยีระหว่างจีนกับสหรัฐฯ ที่มีความตึงเครียดเพิ่มขึ้น ทำให้จีนพยายามลดการพึ่งพาเทคโนโลยีจากต่างชาติ และพยายามหันมาพัฒนาเทคโนโลยี และซอฟต์แวร์ของตนเอง พร้อมทั้งสนับสนุนการผลิตเซมิคอนเตอร์และชิปในประเทศ เนื่องจากกังวลเกี่ยวกับความปลอดภัยด้านข้อมูล และการห้ามใช้ไอโฟนยังเป็นการตอบโต้ที่สหรัฐฯ สั่งห้ามจำหน่ายโทรศัพท์หัวเว่ย และห้ามใช้แอปพลิเคชันติ๊กต๊อก (TikTok)
…
#แอปเปิล
#ไอโฟน
#จีน