*พบผู้รอดชีวิตเพิ่มเติมจากแผ่นดินไหวเนปาล/ซาอุฯใช้ระเบิดต้องห้ามโจมตีหมู่บ้านในเยเมน/พม่าเรียกร้องเสรีสื่อ/อียูประชุมป้องกันค้ามนุษย์*

จำนวนผู้เสียชีวิตจากเหตุการณ์แผ่นดินไหวขนาด 7.8 ที่เนปาลเมื่อวันที่ 25 เมษายน ยังปรับเพิ่มขึ้นอย่าง ต่อเนื่องอยู่ที่ 7,250 ศพ บาดเจ็บมากกว่า 14,000 คน ขณะที่เมื่อวานนี้พบผู้รอดชีวิตอีก 3 คน โดยปฏิบัติการกู้ภัยเปลี่ยนจากการเน้นการค้นหาผู้รอดชีวิต ไปเป็นการส่งความช่วยเหลือทั้งอาหาร ที่พักชั่วคราว และยารักษาโรค

ด้านสนามบินนานาชาติกาฐมาณฑุ แจ้งไม่ให้เครื่องบินหนักลงจอด เนื่องจากรันเวย์ได้รับความเสียหายจากแผ่นดินไหวและอาฟเตอร์ช็อกที่เกิดขึ้น นอกจากนี้ยังมีปัญหาเรื่องพิธีการศุลการที่ทำให้เสบียงที่ส่งมาจากทั่วโลกยังตกค้างอยู่ที่สนามบินเป็นจำนวนมาก เช่นเดียวกับขบวนรถบรรทุกสิ่งของช่วยเหลือผู้ประสบภัยที่จะข้ามจากอินเดีย ทำให้สหประชาชาติ ร้องขอไปยังนายกรัฐมนตรีซูชิล โคราลา แห่งเนปาลให้เร่งรัดกระบวนการศุลกากร แต่กระทรวงกลาโหมเนปาลยืนยันการตรวจสอบ สิ่งของที่ส่งมาจากต่างประเทศ และยกเลิกภาษีนำเข้าสำหรับผ้าใบกันน้ำและที่พักชั่วคราวแล้ว

ส่วนการช่วยเหลือผู้ประสบภัย 3 คนที่ติดอยู่ภายใต้ซากปรักหักพังของบ้านหลังหนึ่งเมืองสินธุปาลโจก หลังจากเกิดแผ่นดินไหวนานแล้วถึง 8 วัน โดยเมืองนี้เป็นหนึ่งในพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบเสียหายหนักที่สุดแห่งหนึ่งจากเหตุแผ่นดินไหวที่เกิดขึ้น หนึ่งในผู้รอดชีวิตเป็นชายอายุ 101 ปี แต่พบผู้เสียชีวิตมากถึง 50 ศพ ในพื้นที่เขตราสุวาซเนื่องจากหิมะถล่ม โดยผู้เสียชีวิตจำนวนหนึ่งเป็นนักปีนเขาต่างชาติ

กลุ่มรัฐอิสลามหรือไอเอส ยอมรับว่าเป็นผู้ก่อเหตุโจมตีกรุงแบกแดดของอิรักด้วยระเบิดเมื่อคืนวันเสาร์ทำให้มีผู้เสียชีวิต 19 ศพ โดยใช้วิธีระเบิดรถยนต์ 2 ครั้งห่างกันราว 10 นาที ในเขตคาร์ราดา ซึ่งเป็นย่านการค้า

ด้านกลุ่มสิทธิมนุษยชนฮิวแมน ไรท์ส วอทช์ ตำหนิซาอุดิอาระเบียที่ใช้ระเบิดดาวกระจายที่ได้มาจากสหรัฐอเมริกา โจมตีเยเมน ซึ่งจะส่งผลอันตรายต่อพลเรือนในระยะยาว สำหรับระเบิดดาวกระจาย หรือระเบิดพวงเป็นอาวุธที่จะบรรจุอาวุธสำรองขนาดเล็กๆ หลายสิบลูกไว้อีกชั้นหนึ่ง ซึ่งถือเป็นอาวุธต้องห้าม เพราะในหลายกรณีระเบิดนี้จะไม่ระเบิดในทันที จนเหมือนกับกับระเบิดที่ตกค้างได้เป็นเวลานาน แต่ยังคงความสามารถในการสังหาร ดังนั้นการใช้โจมตีในพื้นที่หมู่บ้านจึงทำให้ประชาชนในท้องถิ่นตกอยู่ในอันตราย

โดยในวันอังคารนี้ ผู้นำกลุ่มประเทศอ่าวเปอร์เซีย จะประชุมสุดยอดประจำปีในภูมิภาค ที่กรุงริยาด เมืองหลวงซาอุดิอาระเบีย

ที่สหรัฐอเมริกา ยังมีความขัดแย้งยืดเยื้อจากการต่อต้านเจ้าหน้าที่ตำรวจ ที่ย่านควีนส์ ของนครนิวยอร์ค โดยคนร้ายคือนายดิมีเทรียส แบล็กเวล ยิงเจ้าหน้าที่ไบรอัน มัวร์ เจ้าหน้าที่ตำรวจนอกเครื่องแบบ จนบาดเจ็บสาหัส ซึ่งเป็นการทำร้ายตำรวจครั้งที่ 5 ในรอบ 5 เดือน

ส่วนที่อินเดียเกิดเหตุ ร.ต.ต.ดิลิป เชอร์เก วัย 55 ปี รองสารวัตรแผนกสืบสวนสถานีตำรวจวาโกลา นครมุมไบของอินเดีย ยิงพ.ต.ท.วิลาส โยศี วัย 53 ปี สารวัตรแผนกสอบสวน และพลตำรวจบาบาสาห์เอบ อะเฮอร์ วัยราว 30 ปี จากนั้นร.ต.ต.เชอร์เกก็ยิงตัวตาย โดยสาเหตุเกิดจากความไม่พอใจที่ถูกตำหนิเรื่องลาหยุด ซึ่งที่ผ่านมาทั้ง 2 คนก็มีเรื่องขัดแย้งกันมาก่อนแล้ว ส่วนพลตำรวจอะเฮอร์นั้นพยายามเข้ามาขวาง

กระทรวงข่าวสารพม่าและองค์การยูเนสโกของสหประชาชาติ ร่วมการจัดงานวันเสรีภาพสื่อโลกในนครย่างกุ้งของพม่า ซึ่งผู้อำนวยการยูเนสโก สาขาพม่า เรียกร้องให้รัฐบาลพม่าสร้างความเชื่อมั่นว่าสื่อจะสามารถรายงานข่าวได้โดยไม่มีความหวาดกลัวในช่วงการเลือกตั้งทั่วไปปลายปีนี้

หน่วยตรวจการณ์ชายฝั่งอิตาลี และฝรั่งเศส ช่วยผู้อพยพเข้าเมืองผิดกฎหมายแถบทะเลเมดิเตอร์เรเนียนได้เกือบ 3,700 คน จากเรือหลายลำ ใกล้ชายฝั่งลิเบียช่วงวันที่ 2 พฤษภาคม ถึงวันที่ 3 พฤษภาคม และคาดว่าจะพบผู้อพยพอีกมาก เพราะสภาพอากาศในช่วงนี้ปลอดโปร่ง ทะเลสงบ ทำให้ขบวนการค้ามนุษย์ใช้เป็นโอกาสในการลักลอบพาผู้อพยพเดินทางมายุโรป

ส่วนผู้นำสหภาพยุโรป (อียู) ประชุมฉุกเฉินเพื่อหาทางช่วยเหลือและป้องกัน หยุดขบวนการค้ามนุษย์ รวมถึงการขอการสนับสนุนจากสหประชาชาติเพื่อปราบปรามขบวนการค้ามนุษย์

ที่ปากีสถาน มีผู้เสียชีวิตจากเหตุไฟดูดถึง 8 ศพ ในเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นใน จังหวัดซินด์ ทางตอนใต้ เนื่องจากรถบัสที่พวกเขาใช้เดินทางมาไปเกี่ยวกับสายไฟฟ้าทำให้ไฟช็อต และไฟไหม้ลุกท่วมรถบัส ทำให้มีผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บอีกมากกว่า 20 คน

สำนักข่าวกลางเกาหลี หรือเคซีเอ็นเอ ของเกาหลีเหนือ รายงานว่า นายคิม จอง-อึน ผู้นำสูงสุดของเกาหลีเหนือ ให้คำมั่นว่า จะปล่อยดาวเทียมมากขึ้น เพื่อให้เกาหลีเหนือบรรลุเป้าหมายในการเป็นมหาอำนาจด้านอวกาศ แต่นักวิเคราะห์ระบุว่า โครงการปล่อยดาวเทียมของเกาหลีเหนือแท้จริงคือการทดสอบขีปนาวุธพิสัยไกล

*-*