'เศรษฐา' ลงพื้นที่รับฟังปัญหาชาวประมงที่สมุทรสงคราม ตั้ง ‘ธรรมนัส’ เป็นหัวหน้าคณะทำงาน

01 กันยายน 2566, 14:58น.


           วันนี้ (1 ก.ย.66) นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี พร้อมด้วย ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า ว่าที่ รมว.เกษตรและสหกรณ์ , นายไผ่ ลิกค์ ว่าที่ รมช.พาณิชย์ ,นางมนพร เจริญศรี ว่าที่ รมช.คมนาคม  และคณะทำงานด้านการประมงของพรรคเพื่อไทย เดินทางไปที่จังหวัดสมุทรสงคราม เพื่อรับฟังปัญหาจากตัวแทนชาวประมงที่ได้รับผลกระทบจากการประกาศของ IUU และแนวทางแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของชาวประมง โดยนายสมนึก พรหมเขียว ผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรสงคราม  ให้การต้อนรับ



          ทันทีทีเดินทางถึงท่าเทียบเรือโรงน้ำแข็งศิริไพโรจน์ นายเศรษฐาเดินไปดูเรือประมงที่จอดไว้เพราะไม่สามารถไปทำประมงได้ รวมถึงดูการขึ้นปลาและการตรวจนับลูกเรือที่ออกไปทำประมง ซึ่งหากไม่เป็นไปตามข้อกำหนดของ IUU จะถูกปรับเป็นเงินจำนวนมาก





          นายเศรษฐา กล่าวกับประชาชนและชาวประมงที่มารอพบว่า วันนี้เดินทางมาในอีกสถานะหนึ่ง เพราะวันนี้พรรคเพื่อไทยเป็นรัฐบาล มั่นใจว่า รัฐมนตรีจากพรรคร่วมรัฐบาลที่มาด้วยกัน มีความสามารถ มีความรู้ ทำงานเรื่องการประมงมานาน และรัฐบาลต้องการแก้ปัญหาอย่างบูรณาการ ทั้งกฎหมายภายในและการเจรจาระหว่างประเทศควบคู่กันไป  



          ขณะที่ตัวแทนกลุ่มประมง สะท้อนปัญหาต่างๆให้นายกฯ และคณะฟัง เช่น ขอให้แก้กฎหมายต่างๆ ที่เป็นปัญหาต่อการทำประมง จำนวน 13 ฉบับ ที่จะทำให้การประมงขับเคลื่อนได้  , ขอให้การบังคับใช้แรงงานต่างด้าวในภาคประมงเหมือนกับแรงงานต่างด้าวที่ทำงานบนฝั่งซึ่งภาคประมงจะใช้เวลานาน และเสนอขึ้นค่าแรงเพื่อจะกระตุ้นเศรษฐกิจ แต่ขอให้ทำทีละขั้นเพื่อไม่ให้ภาคธุรกิจสะดุด





          นายเศรษฐา กล่าวว่า ตั้งแต่ตนรับสนองพระบรมราชโองการ ก็เร่งตรวจสอบปัญหาต่างๆ ทั้งเรื่องการท่องเที่ยว  การแก้ปัญหาหนี้สิน และการประมง ซึ่งเป็นเรื่องสำคัญที่รัฐบาลจะให้ความสำคัญสูงสุด พร้อมให้คำมั่นว่า จะแก้ไขปัญหาเรื่องแรงงาน ให้เอกสารต่างๆ อยู่ใน ‘วันสต็อปช็อป’ ได้  อะไรที่อยู่ในอำนาจคณะรัฐมนตรี ก็จะตั้งคณะทำงานขึ้นมา โดยให้ ร.อ.ธรรมนัส เป็นหัวหน้า และเชิญผู้เกี่ยวข้องมาพูดคุยกัน หลายอย่างอาจทำไม่ได้ในคราวเดียว ก็ขอให้อดทน ขอให้มั่นใจรัฐบาลเพื่อไทย ส่วนเรื่องใหญ่ๆ อย่างเช่น เรื่องน่านน้ำที่ประเทศอินโดนีเซีย มีทรัพยากรเยอะมาก แต่ไม่มีความสามารถในการจับสัตว์น้ำ  ก็ให้มั่นใจว่า รัฐบาลจะเดินหน้าเต็มที่ในการเปิดประตูการค้า ซึ่งเป็นเรื่องที่ตนให้ความสำคัญมาก



           สำหรับ ‘วันสต็อปช็อป’ จะเป็นอย่างไร จะต้องให้คณะทำงานไปศึกษาก่อน แต่เบื้องต้นวันนี้เห็นปัญหาว่า การที่แรงงานจะมาทำงานได้ ต้องมีเอกสารจำนวนมาก มีหลายกระทรวงเข้ามาเกี่ยวข้อง  หากเอกสารขาดก็น่าเห็นใจ อีกทั้งเอกสารต่างๆก็ยังเป็นกระดาษ  จึงอยากให้เข้าระบบออนไลน์ทั้งหมดเพื่อความสะดวก และในแง่การตรวจสอบก็จะดีขึ้น



            ส่วนที่แต่งตั้งให้ ร.อ.ธรรมนัส ดูแลเรื่องประมง ซึ่งในฐานะที่เป็นว่าที่ รมว.เกษตรและสหกรณ์ ก็ต้องดูแลปัญหาการเกษตรอื่นๆด้วย  ขณะที่ปัญหาด้านอื่นๆ เช่น ท่องเที่ยวและปัญหาหนี้สิน หากเรื่องไหนทำได้ก็จะเร่งทำก่อน  หรือเข้า ครม. และถ้าต้องเจรจาการค้าระหว่างประเทศก็อาจจะนานหน่อย เช่น เรื่องวิทยุมดขาวมดดำ ที่เพิ่งมีการบังคับใช้ในระยะหลัง ทั้งทีเรามีการสื่อสารทางวิทยุกันอยู่แล้ว



 



         อย่าง พ.ร.บ.บริหารจัดการแรงงานต่างด้าว มาตรา 14 ที่เป็นปัญหาสำหรับแรงงานต่างด้าว  ต้องศึกษาร่วมกับกระทรวงแรงงานด้วย เพราะเป็นเรื่องใหญ่ ต้องมาพูดคุยกันทุกฝ่ายโดยจะพิจารณาเกี่ยวกับกฎกระทรวงทบวงกรม  ส่วนเรื่องน่านน้ำอินโดนีเซียก็ต้องดูรายละเอียดและหารือกัน ซึ่งอินโดนีเซียก็เป็นประเทศอาเซียนด้วยกัน  มีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกัน และไม่ถึอว่าแย่งกันทำงาน เพราะเขามีทรัพยากร เรามีความรู้ทางการทำประมง ถ้ามาร่วมกันได้ แบ่งปันผลประโยชน์ก็น่าจะลงตัวและเดินหน้าด้วยกันได้



            นายเศรษฐา ยังย้ำว่า อย่าไปมองเรื่องปัญหาเก่าหรือไปว่าใคร ขอให้มาแก้ไขเดินหน้าดีกว่า  และมั่นใจว่ากฎหมายต่างๆที่ผู้ประกอบการประมงเสนอมา  สามารถแก้ไขได้  ต้องฝาก ร.อ.ธรรมนัสเป็นผู้รับผิดชอบ และการทำงานหลังจากนี้ ก็ต้องทำงานร่วมกับรัฐมนตรี อยากให้มองเป็นองค์รวมว่าเป็นรัฐบาลของประชาชนที่ประกอบกันหลายพรรค เชื่อว่ารัฐมนตรีทุกคน เป็นห่วงปัญหาปากท้องของประชาชนและมีความปรารถนาดีต่อประเทศ ขอแค่โอกาสทำงาน



           จากนั้น นายกฯและคณะ  รับประทานอาหารกลางวันร่วมกัน  เมนูอาหารประกอบด้วย แกงเขียวหวานลูกชิ้นปลากราย ผัดกะเพราทะเลและปลาทูทอดหวาน โดยนายกฯ ตักอาหารมารับประทานด้วยตัวเอง



#เศรษฐาทวีสิน



#ธรรมนัสพรหมเผ่า



#การประมง



#คณะรัฐมนตรี 

ข่าวทั้งหมด

X