กรมทรัพย์สินทางปัญญาชี้ เมนู'ปังชา'ใช้ได้ แต่ห้ามลอกเลียนแบบเครื่องหมายการค้า

31 สิงหาคม 2566, 18:23น.


          คุณทักษอร สมบูรณ์ทรัพย์  ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านกฎหมาย กรมทรัพย์สินทางปัญญา เปิดเผยข้อมูลกับสถานีวิทยุจส.100 กรณี ‘ปังชา’ ว่าผู้ประกอบการรายนี้ได้จดลิขสิทธิ์ทางการค้าไว้หลายตัว มีการสละสิทธิ์คำว่าปังชา ซึ่งหมายถึงว่า ใครก็สามารถเอาคำว่าปังชานี้ไปใช้ได้ทั้งภาษาไทยและภาษาอังกฤษ การคุ้มครองเครื่องหมายการค้าที่จดทะเบียนและ มีการสละสิทธิ์บางส่วน ผลก็คือ จะยังได้รับความคุ้มครองภาพรวมเครื่องหมายการค้าอันนั้นอยู่  แต่ไม่สามารถจะอ้างสิทธิเฉพาะในส่วนใดส่วนหนึ่งจะดึงเฉพาะคำว่า  'ปังชา' ไปเป็นเจ้าของแต่เพียงผู้เดียวได้ แต่ผู้ประกอบการรายนี้ยังมีอีกตัวที่ไม่ได้สละสิทธิ์ ตรงนี้จึงเป็นสิ่งที่อาจทำให้มีความเข้าใจที่คลาดเคลื่อน และมีการนำสืบว่าได้ใช้ต่อเนื่องมานานมากแล้ว จนผู้บริโภคเข้าใจว่านี้คือเครื่องหมายการค้า ไม่ใช่ประเภทของสินค้า แล้วแต่การจดเครื่องหมายการค้าแบบนี้มันประกอบด้วยหลายส่วนทั้งคำและภาพ



          เพราะฉะนั้นการคุ้มครองสิทธิ์ที่ได้รับ จึงเป็นไปทั้งคำและภาพรวมกัน ไม่สามารถแยกส่วนใดส่วนหนึ่งออกไปได้ ดังนั้นคำว่าปังชาทั้งภาษาไทยและภาษาอังกฤษ หากเอาไปใช้โดดๆ สามารถใช้ได้ แต่จะเอามาใช้ในภาคส่วนอื่นๆประกอบกันให้เหมือนกับเจ้าของเครื่องหมายการค้ารายนี้ที่จดไว้เป็นเครื่องหมายหนึ่งเครื่องหมายใดก็ตาม จะเป็นการเสี่ยงที่จะละเมิดเครื่องหมายการค้าได้ 



          เครื่องหมายการค้า คือคำหรือข้อความที่บ่งบอกว่า อันนี้คือเครื่องหมายการค้าของใคร ถ้ามีส่วนอธิบายคุณลักษณะของตัวสินค้า หรือประโยชน์ใช้สอยของสินค้านั้น หรือบ่งบอกว่าสินค้านั้นคือสินค้าประเภทอะไร  จะเป็นคำที่เจ้าของสินค้าไม่สามารถหวงกันไว้ใช้เพียงผู้เดียวได้ กฎหมายจึงระบุว่า จะต้องสละสิทธิ์คำคำนี้เพราะว่าคนอื่นก็มีสิทธิ์ที่จะใช้คำนี้ได้เหมือนกัน เครื่องหมายการค้าใช้เพื่อแยกแยะว่าสินค้านี้เป็นของอะไรแต่ไม่ได้บอกประเภทของสินค้า



          สิ่งที่เกิดขึ้นเกิดจากผู้ประกอบการ ใช้ชื่อร้านว่าปังชาและเอาไปตั้งชื่อเมนูเด็ดของร้านด้วย โดยใช้ไปจนระยะเวลาหนึ่ง พอคนคุ้นเคย เห็นเมนูนี้ก็เรียกว่าปังชา ซึ่งจริงๆแล้วมันก็อาจชื่อ น้ำแข็งใสราดชา หรือบิงซูชาไทย คนก็เรียกเมนูนี้ว่าปังชา สืบเนื่องจากร้านใช้ชื่อมาแบบนี้ จริงๆแล้วทางกรมไม่ถือว่าปังชาเป็นประเภทของสินค้า



          ผู้ประกอบการจดเครื่องหมายการค้าไว้ ก็อยากให้ผูกติดกับสินค้าที่ขายด้วย พยายามเอาไปตั้งเป็นชื่อตัวผลิตภัณฑ์ที่ขาย พอนานไปจะเริ่มกลืนกันไปหมด จึงเกิดปัญหาแบบนี้ขึ้น ที่ตอบได้ตอนนี้คือเครื่องหมายการค้าปังชาไม่รวมถึงเมนูปังชา ผู้ประกอบการรายอื่นสามารถ มีเมนูปังชาได้  เครื่องหมายการค้าคุ้มครองแต่ชื่อร้าน ผู้ประกอบการที่จดทะเบียนจึง ไม่มีสิทธิ์ไปห้ามใครใช้ปังชากับเมนูประเภทนี้ได้



          เครื่องหมายการค้าคือสิ่งที่เอาไว้แยกแยะตัวสินค้าว่าเป็นของใคร และจะคุ้มครองตามรูปที่จดไว้เท่านั้น   สำหรับลิขสิทธิ์ คุ้มครองภาพ เพลง หนังสือ งานที่แสงดออกทางศิลปะในตัวความคิด ในอุตสาหกรรมอาหารสิ่งที่เป็นลิขสิทธิ์ก็คือภาพหรือรูปถ่ายภาพอาหารเป็นลิขสิทธิ์ของคนถ่ายแม้จะเป็นเมนูเดียวกันก็ไม่สามารถเอาภาพของเค้ามาเป็นของเราได้ ส่วนสิทธิบัตรจะคุ้มครองสิ่งที่คิดค้นใหม่ การออกแบบผลิตภัณฑ์รูปแบบใหม่ ปังชาไม่ได้จดสูตรของปังชาไว้ เพราะมีมานานแล้ว น้ำแข็งใสแค่เอาชาไทยมาใส่เท่านั้น จะจดสิทธิบัตรหรืออนุสิทธิบัตรไม่ได้ แต่สิ่งที่ได้รับการคุ้มครองคือตัวภาชนะสีทอง ที่ใส่ปังชาได้รับสิทธิบัตรการออกแบบผลิตภัณฑ์ ห้ามบุคคลอื่นไปทำซ้ำ ตัวภาชนะที่จดสิทธิบัตร ถ้าทำบิงซูชาไทยใส่ภาชนะอื่นได้ก็สามารถทำได้



         อยากรณรงค์กับผู้ประกอบการทุกคนว่า เวลาคิดเครื่องหมายการค้าพยายามคิดให้ฉีกไปจากสิ่งที่ขายอยู่ เพราะคนอื่นก็อยากเอาคำนี้ไปใช้เหมือนกัน อาจจะต้องมาทะเลาะกันทีหลัง อย่าเอาโลโก้ไปผูกติดกับผลิตภัณฑ์ที่ขาย เพราะจะทำให้คำๆนี้เสียความสามารถแยกแยะว่าเป็นสินค้าของใคร เนื่องจากชื่อของเครื่องหมายการค้ากลายเป็นตัวสินค้าไปแล้ว จะมีปัญหาในการบังคับใช้ต่อไป



          หากผู้ประกอบการมีปัญหา หรือมีข้อพิพาท กรมทรัพย์สินทางปัญญา มีศูนย์ให้บริการครบรูปแบบ สามารถปรึกษาข้อข้องใจได้ทุกเรื่อง และยังมีบริการระงับข้อพิพาททางเลือก ซึ่งอาจจบปัญหาได้โดยไม่ต้องไปถึงศาล โทษปรับการปลอมเครื่องหมายการค้า จำคุกไม่เกิน4ปีปรับไม่เกิน400,000บาท  แต่สามารถเรียกค่าเสียหายทางแพ่งได้อีก ซึ่งศาลจะเป็นผู้พิจารณา



 



 



 



#ปังชา



#กรมทรัพย์สินทางปัญญา



#เครื่องหมายการค้า



 

ข่าวทั้งหมด

X