หลังจากประธานาธิบดีโจ ไบเดนของสหรัฐฯ มีคำสั่งในปีที่แล้ว ขอให้อัยการสูงสุดและรัฐมนตรีกระทรวงสุขภาพและบริการมนุษย์สหรัฐฯ ร่วมพิจารณาทบทวนว่า สหรัฐฯควรปรับลดให้กัญชาเป็นยาเสพติดให้โทษลงมาอยู่ในประเภท 3 หรือไม่ จากปัจจุบันนี้ ซึ่งรัฐบาลสหรัฐฯ ยังคงถือว่า กัญชาเป็นยาเสพติดให้โทษในประเภท 1 กลุ่มเดียวกับเฮโรอีน และ LSD ซึ่งเป็นสารเสพติดมีฤทธิ์ต่อประสาท ภายใต้กฎหมายควบคุมยาเสพติดของรัฐบาลสหรัฐฯ หมายความว่า สหรัฐฯไม่อนุญาตให้มีการใช้ในทางการแพทย์ และเชื่อว่า มีโอกาสสูงที่ผู้ครอบครองกัญชาจะใช้กัญชาในทางที่ผิดกฎหมายเช่น สูบกัญชา
ถึงแม้ว่า 40 รัฐจากทั้งหมด 50 รัฐของสหรัฐฯมีการตรากฎหมายอนุญาตให้มีการใช้กัญชาในบางลักษณะ เช่น เพื่อประโยชน์ทางการแพทย์ บีบีซี รายงานว่า กระทรวงสุขภาพและบริการมนุษย์สหรัฐฯเสนอแนะต่อสำนักงานปราบปรามยาเสพติด(DEA)ของสหรัฐฯ เมื่อวันอังคาร หลังคณะผู้เชี่ยวชาญจากกระทรวงสุขภาพและบริการมนุษย์สหรัฐฯ ศึกษาข้อมูลเรื่องนี้ทั้งในด้านวิทยาศาสตร์และการแพทย์ ขอให้ DEA พิจารณาผ่อนคลายกฎระเบียบควบคุมกัญชาโดยปรับเปลี่ยนให้อยู่ในกลุ่มยาเสพติดให้โทษในประเภท 3 อยู่ในกลุ่มเดียวกับ ยาเคตามีน (Ketamine) หรือยาระงับประสาท ยาโคดีอีน(codeine) หรือยาบรรเทาปวด และยาอนาบอลิก สเตียรอยด์ (Anabolic steroids) ที่นักกล้ามหรือนักเพาะกายใช้กระตุ้นการสร้างโปรตีนในเซลล์กล้ามเนื้อ
บีบีซี รายงานว่า ถ้า DEA ปรับเปลี่ยนหลักเกณฑ์ควบคุมกัญชาจากยาเสพติดให้โทษในประเภท 1 ในปัจจุบัน จะเป็นการปรับเปลี่ยนนโยบายยาเสพติดครั้งสำคัญที่สุดของสหรัฐฯในรอบหลายสิบปี
ผลสำรวจของเห็นของประชาชนในสหรัฐฯ บ่งชี้ว่า ประชาชนส่วนใหญ่สนับสนุนให้มีการตรากฎหมายรับรองให้มีการใช้กัญชาในบางลักษณะ เช่น เพื่อประโยชน์ทางการแพทย์ หรือ เพื่อสันทนาการ ในปัจจุบัน การใช้กัญชาเพื่อสันทนาการเป็นเรื่องที่ถูกฎหมายใน 23 รัฐของสหรัฐฯ รวมถึงรัฐในแถบชายฝั่งทางตะวันตกทั้งหมดและกรุงวอชิงตัน ดี.ซี. ขณะที่อีก 38 รัฐอนุญาตให้มีการใช้กัญชาเพื่อประโยชน์ทางการแพทย์
#สหรัฐฯ
#ผ่อนผันกฎคุมกัญชา