สภาพัฒน์เผยไตรมาส 2 การจ้างงานปรับตัวดีขึ้น จับตาสินเชื่อรถยนต์หนี้เสียพุ่ง

28 สิงหาคม 2566, 14:05น.


            นายดนุชา พิชยนันท์  เลขาธิการสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) หรือสภาพัฒน์  รายงานภาวะสังคมไทยไตรมาส 2/66 พบว่า สถานการณ์ด้านแรงงานปรับตัวดีขึ้น จากการขยายตัวในสาขานอกภาคเกษตรกรรม ขณะที่ภาคเกษตรกรรมได้รับผลกระทบจากภัยแล้ง



            สำหรับการจ้างงาน ผู้มีงานทำมีจำนวนทั้งสิ้น 39.7 ล้านคน เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 1.7% จากการขยายตัวของการจ้างงานสาขานอกภาคเกษตรกรรมที่ 2.5% โดยสาขาโรงแรมและภัตตาคาร ยังขยายตัวได้ดีต่อเนื่อง จากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจภายในประเทศและการเข้ามาอย่างต่อเนื่องของนักท่องเที่ยวต่างชาติ เช่นเดียวกับสาขาก่อสร้างที่มีการจ้างงานเพิ่มมากขึ้น,สาขาการผลิต,การค้าส่งและค้าปลีก,การขนส่งและเก็บสินค้า ก็มีการจ้างงานเพิ่มขึ้นเช่นกัน ขณะที่ ภาคเกษตรกรรม การจ้างงานหดตัวลงเล็กน้อยจากปี 65 ซึ่งส่วนหนึ่งเกิดจากปัญหาภัยแล้ง



            ส่วนชั่วโมงการทำงานปรับตัวดีขึ้น ขณะที่ ค่าจ้างแรงงาน ก็ปรับตัวดีขึ้นต่อเนื่องเช่นกัน โดยค่าจ้างเฉลี่ยในภาพรวมและภาคเอกชนอยู่ที่ 15,412 บาท และ 14,032 บาท/คน/เดือน  ขณะที่ อัตราการว่างงานมีแนวโน้มดีขึ้น  ลดลงจากปีก่อนมาอยู่ที่ 1.06% หรือมีผู้ว่างงานจำนวน 4.3 แสนคน



          แต่ยังมีประเด็นสำคัญที่ต้องติดตามต่อไป ได้แก่



1. การขาดแคลนแรงงานที่มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง หากพิจารณาตำแหน่งงานว่าง และจำนวนแรงงานที่ได้บรรจุงานในช่วงเดือนธ.ค. 65-มิ.ย.66 จะพบว่า ผู้สมัครงาน 1 คน มีตำแหน่งงานรองรับถึง 5 ตำแหน่ง



2. การเตรียมความพร้อมเพื่อรับมือการเกษียณอายุของแรงงานทักษะต่ำ โดยไตรมาส 2/66 มีแรงงานทักษะต่ำในภาคเอกชนที่กำลังจะเกษียณอายุกว่า 1.3 ล้านคน ขณะที่ แรงงานที่จะเข้ามาทดแทนมีแนวโน้มลดลง



3. ผลกระทบต่อการจ้างงาน และรายได้ของเกษตรกรจากภัยแล้งที่มีแนวโน้มรุนแรงมากขึ้น โดยปริมาณฝนสะสมในปัจจุบันมีค่าน้อยกว่าค่าปกติในทุกภูมิภาค ซึ่งการลดลงของปริมาณน้ำ จะส่งผลกระทบต่อการทำการเกษตร



         โดยในภาคบริการ มีปัญหาขาดแคลนแรงงานมากที่สุด ส่วนภาคการผลิตยังไม่ได้รับผลกระทบมากนั้น  สิ่งที่กังวลคือ ตำแหน่งงานว่าง กับคนที่ได้รับการจ้างงานยังไม่สอดคล้องกัน ส่วนหนึ่งอาจเป็นเรื่องหลักสูตรการสอน หรือจำนวนผู้ที่จบการศึกษาประมาณ 40-50% จบสายบริหาร แต่ตำแหน่งงานที่ต้องการส่วนใหญ่เป็นแรงงานสายวิทยาศาสตร์ วิศวะ หรือการผลิต  ซึ่งต้องดูรายละเอียดอีกครั้งว่า จะมีการปรับปรุงอย่างไรให้ผู้ที่จบการศึกษาสอดคล้องกับตำแหน่งงานในตลาดได้มากขึ้น





           สำหรับสถานการณ์หนี้สินครัวเรือนในไตรมาส 1/66  มีมูลค่า 15.96 ล้านล้านบาท เพิ่มขึ้น 3.6% คงที่เมื่อเทียบกับไตรมาสที่ผ่านมา  หากพิจารณาการก่อหนี้ครัวเรือนรายวัตถุประสงค์ พบว่า ครัวเรือนมีการก่อหนี้เพื่ออสังหาริมทรัพย์ และอุปโภคบริโภคส่วนบุคคลเพิ่มขึ้น  ขณะที่ความสามารถในการชำระหนี้ของครัวเรือน ภาพรวมลดลงเล็กน้อย  



           แต่ที่ต้องจับตาเป็นพิเศษ คือ สินเชื่อยานยนต์ แนวโน้มหนี้เสียเพิ่มขึ้น  โดยในไตรมาส 1/66 หนี้ NPL ของสินเชื่อยานยนต์ เพิ่มสูงถึง 30.3% จากไตรมาสเดียวกันของปีก่อน และ SML ต่อสินเชื่อรวม ยังคงปรับตัวสูงขึ้นต่อเนื่องเช่นกัน



           นอกจากนี้ ยังมีประเด็นการติดกับดักหนี้ของลูกหนี้สหกรณ์ออมทรัพย์  สะท้อนจากพฤติกรรมการกู้ยืมของลูกหนี้สหกรณ์ส่วนใหญ่ เพื่อใช้สอยส่วนตัว 26.1% และเพื่อชำระหนี้สินเดิม 23.1%  







               ทั้งนี้ ยังพบว่า แม้คนไทยจะมีระดับความรู้ทางการเงินดีขึ้น แต่ทัศนคติทางการเงินที่ถูกต้องลดลง  การวางแผนทางการเงินในอนาคตลดลง  กลุ่มคนที่เห็นด้วยกับเก็บออมเพื่ออนาคตก็ลดลงเช่นกัน  ดังนั้น ต้องเร่งให้ความรู้ความเข้าใจ เพื่อเตรียมพร้อมสู่การใช้ชีวิตหลังวัยเกษียณไม่ให้ลำบาก



          ส่วนกรณีที่มีกระแสข่าวว่า สภาพัฒน์เสนอปรับขึ้นภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT) จากเดิม 7% เป็น 10% โดยจะนำ 3% ที่ปรับขึ้นบางส่วน ไปจัดสวัสดิการรองรับสังคมผู้สูงอายุนั้น ขอยืนยันว่า เรื่องนี้ยังเป็นเพียงแนวคิดเท่านั้น  ซึ่งเป็นการนำเสนอไอเดียในงานสัมมนาเพื่อรับฟังว่ามีความเป็นไปได้มากน้อยแค่ไหน คนส่วนใหญ่คิดเห็นอย่างไร   ซึ่งสภาพัฒน์ยังไม่ได้คิดจะเสนอเรื่องนี้กับใคร และในรายละเอียดยังต้องมีการพูดคุยกันอีกมาก



          ส่วนนโยบายแจกเงินดิจิทัล 10,000 บาทของรัฐบาลชุดใหม่  นายดนุชา กล่าวว่า  ยังต้องมีการพิจารณาในรายละเอียดว่าเป็นอย่างไร  ขณะนี้ จึงยังไม่สามารถให้ความเห็นได้ เช่นเดียวกับ เรื่องงบประมาณ ภาวะการคลัง ต้องมีการพูดคุยกับหลายหน่วยงาน และดูในรายละเอียด ว่าจะสามารถดำเนินนโยบายดังกล่าวได้หรือไม่



#เศรษฐกิจไทย



#หนี้ครัวเรือน



#หนี้สินรถยนต์



#สภาพัฒน์

ข่าวทั้งหมด

X