บริษัทไชน่า เอเวอร์แกรนด์ กรุ๊ป ผู้ประกอบการธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ของจีน ซึ่งมีหนี้สินจำนวนมาก เคยผิดนัดชำระหนี้จำนวน 2,100 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ เมื่อปี 2564 และเป็นศูนย์กลางของปัญหาวิกฤตอสังหาริมทรัพย์ของจีนมาตั้งแต่ปลายปี 2564 จนคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และสัญญาซื้อขายล่วงหน้าของฮ่องกง มีคำสั่งให้ระงับการซื้อขายหุ้นของบริษัทไชน่า เอเวอร์แกรนด์ กรุ๊ป ตั้งแต่วันที่ 21 มีนาคมปีที่แล้ว
หลังจากบริษัทให้คำมั่นกับคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และสัญญาซื้อขายล่วงหน้าของฮ่องกงว่าบริษัทได้ทำตามข้อแนะนำของตลาดหลักทรัพย์ฮ่องกงเรื่องการปรับปรุงสภาพคล่องทางการเงินและฐานะการเงินของบริษัทในเครือไชน่า เอเวอร์แกรนด์ คณะกรรมการจึงอนุญาตให้บริษัทเริ่มเปิดการซื้อขายหุ้นของบริษัทอีกครั้งในวันนี้ (28 สิงหาคม 2566)
รอยเตอร์ และ บีบีซี รายงานว่า หุ้นของบริษัทไชน่า เอเวอร์แกรนด์ กรุ๊ปของจีน ร่วงลงร้อยละ 86.7 มาอยู่ที่ 0.22 ดอลลาร์ฮ่องกงในช่วงแรกของการซื้อขายหุ้นในตลาดหุ้นฮ่องกง ในการเปิดการซื้อขายหุ้นวันแรก หลังถูกระงับการซื้อขายหุ้นมา 17 เดือน โดยมูลค่าหุ้นของไชน่า เอเวอร์แกรนด์ หายไปร้อยละ 99 ในช่วง 3 ปีที่แล้วหลังทางการจีนเข้มงวดเรื่องการประกอบธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ในวันนี้ มูลค่าตลาดของบริษัทไชน่า เอเวอร์แกรนด์ กรุ๊ป หดลงมาอยู่ที่ 4,600 ล้านดอลลาร์ฮ่องกง(หรือ 586 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ)จากช่วงที่สูงสุด คือ กว่า 50,000 ล้านดอลลาร์ฮ่องกงในปี 2560
ก่อนหน้านี้ บริษัทรายงานเมื่อวันอาทิตย์(27 ส.ค.66) เรื่องการขาดทุน 33,000 ล้านหยวน(หรือ 4,500 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ)สำหรับการประกอบธุรกิจในช่วง 6 เดือนแรกของปีนี้ แต่ตัวเลขนี้นับว่า เป็นผลประกอบการที่ดีขึ้นเมื่อเทียบกับการขาดทุนรวม 66,400 ล้านหยวนในช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว บริษัท ชี้แจงว่า รายได้ในช่วง 6 เดือนแรกของปีนี้เพิ่มขึ้นร้อยละ 44 อยู่ที่ 128,200 ล้านหยวน เทียบจากช่วงเดียวกันของปีก่อน แต่จำนวนเงินสด ลดลงร้อยละ 6.3 จากช่วงเดียวกันของปีก่อน
นอกจากนั้น บริษัทได้ยื่นคำร้องล้มละลายต่อศาลในนครนิวยอร์ก สหรัฐฯ เมื่อวันพฤหัสบดีที่ 17 สิงหาคม 2566 เพื่อให้ศาลมีคำสั่งคุ้มครองทรัพย์สินของบริษัทในสหรัฐฯระหว่างการเจรจาประนอมหนี้กับเจ้าหนี้
ทั้งนี้ ปัญหาวิกฤตในอุตสาหกรรมอสังหาริมทรัพย์ของจีนทำให้หลายฝ่ายแสดงความกังวลในเรื่องเศรษฐกิจของจีน ซึ่งมีขนาดใหญ่อันดับที่ 2 ของโลก ยังฟื้นตัวไม่เต็มที่ หลังยกเลิกนโยบายลดโรคโควิด-19 เหลือศูนย์ตั้งแต่ปลายปีที่แล้ว
#ตลาดหุ้นฮ่องกง
#หุ้นไชน่าเอเวอร์แกรนด์