หลังจากคณะกรรมการการเลือกตั้งของซิมบับเวในแอฟริกาจัดให้มีการเลือกตั้งประธานาธิบดีเมื่อวันเสาร์ ซึ่งการนับคะแนนดำเนินการเสร็จแล้ว ผลปรากฏว่า ประธานาธิบดีเอมเมอร์สัน มานันกากัว อายุ 80 ปี หัวหน้าพรรค ZANU-PF ของซิมบับเว ชนะการเลือกตั้งประธานาธิบดีสมัยที่ 2 ได้รับคะแนนเสียงกว่า 2.3 ล้านเสียง หรือ ร้อยละ 52.6 อีกทั้งชนะการเลือกตั้งสส.คว้าที่นั่งสส.จำนวน 136 ที่นั่งจากที่นั่งสส.รวม 210 ที่นั่ง
ขณะที่นายเนลสัน ชามิซา หัวหน้าพรรค ซิติเซนส์ โคอะลิชเชิน ฟอร์เชนจ์ (CCC) พรรคแกนนำฝ่ายค้าน รั้งอันดับที่ 2 ในการเลือกตั้งประธานาธิบดี ได้คะแนนเสียง 1.9 ล้านเสียง หรือ ร้อยละ 44 พร้อมทั้งรั้งอันดับที่ 2 ในการเลือกตั้ง สส. คว้าที่นั่ง สส. 73 ที่นั่ง โดยมีผู้ใช้สิทธิ์เลือกตั้งเกือบ 16 ล้านคน คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 69 ของผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งทั้งหมด
ด้านนายพรอมิส เอ็มควานันซี โฆษกพรรค CCC กล่าวหาว่าพรรครัฐบาลทุจริตการเลือกตั้งในหลายหน่วยเลือกตั้ง ระบุว่าพรรคจะไม่ยอมรับผลการเลือกตั้ง อีกทั้งจะไม่ยอมลงนามในเอกสารรับรองผลเลือกตั้ง กล่าวหาคณะกรรมการการเลือกตั้งของซิมบับเว นับคะแนนอย่างรีบเร่ง เพื่อให้เสร็จสิ้นโดยไม่ตรวจสอบกล่าวหาเรื่องการโกงเลือกตั้ง
ขณะที่ผู้สังเกตการณ์ระหว่างประเทศจากกลุ่มสหภาพยุโรป, เครือจักรภพอังกฤษ และ 16 ประเทศในกลุ่มประชาคมเพื่อการพัฒนาแอฟริกาตอนใต้ (SADC)กล่าวถึงการเลือกตั้งของซิมบับเวว่า ไม่สอดคล้องกับมาตรฐานการเลือกตั้งตามระบอบประชาธิปไตย เช่น เมื่อต้นเดือนนี้ สมาชิกพรรค CCC จำนวน 40 คน รวมถึงผู้สมัคร สส.หลายคนถูกจับกุมเพื่อดำเนินคดีในข้อหาปราศรัยหาเสียงวิจารณ์ประธานาธิบดีในทางเสียหาย ขณะปราศรัยหาเสียงในกรุงฮาราเร
นอกจากนี้ มีการข่มขู่คุกคุกคามผู้มีสิทธิ์เลือกตั้ง และการเสนอข่าวอย่างไม่เป็นกลางของบรรดาสื่อในซิมบับเว ทำให้พรรครัฐบาลได้เปรียบกว่าพรรคฝ่ายค้าน
ในเดือนที่แล้ว ซิมบับเว มีเงินเฟ้อสูงร้อยละ 101.3 นับเป็นประเทศหนึ่งที่มีเงินเฟ้อสูงที่สุดในโลก อัตราว่างงานสูง เนื่องจากในปัจจุบัน เพียงร้อยละ 25 ของประชากร 16.66 ล้านคนของซิมบับเวมีงานทำ
#การเมืองซิมบับเว