การเดินหน้า นโยบายแจกเงินดิจิทัล ที่นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีจากพรรคเพื่อไทย คาดว่าจะเริ่มใช้ได้ในไตรมาสแรกปี 2567 นายธนวรรธน์ พลวิชัย อธิการบดีมหาวิทยาลัยหอการค้าไทย มั่นใจว่า พรรคเพื่อไทยจะเดินหน้า นโยบายเงินดิจิทัล 10,000 บาทตามหาเสียงไว้แน่นอน แม้จะต้องใช้งบสูงถึงกว่า 5 แสนล้านบาท โดยรัฐบาลใหม่จะต้องพูดคุยกับสำนักงบประมาณให้ขยับการใช้งบประมาณปี 67 บางส่วนออกไป เชื่อว่ารัฐบาลใหม่จะรักษาวินัยการการคลังได้ ไม่ให้ขาดดุลเกินร้อยละ 60 แม้จะมีเพดานไว้ที่ร้อยละ 70 หรือไม่เกินร้อยละ 4 ของ GDP หรือรัฐบาลอาจทยอยให้เงินเป็น 3 งวด ไตรมาสแรก 4,000 บาท ไตรมาส 2 ให้ 3,000 บาท และไตรมาส 3 อีก 3,000 บาท จะทำให้เงินหมุนจากงบประมาณปี 67 ถึงในปีงบประมาณปี 68 ได้
นอกจากนั้น ยังมองว่า หากมีการใช้นโยบายนี้ สิ่งที่จะได้กลับมาคือภาษีมูลค่าเพิ่มร้อยละ 7 หรือประมาณ 3-3.5 หมื่นล้านบาทเข้าคลัง ในปีถัดมาจะได้ภาษีนิติบุคคลจากร้านค้าที่มีรายได้กำไรมากขึ้น และที่สำคัญจะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจในปีหน้าให้เติบโตร้อยละ5-7 จากปีนี้ที่ร้อยละ 2-3 เพราะเงินจะหมุนไป 2-3 รอบ โดยคาดว่าจะเริ่มใช้เงินดิจิทัลได้ช่วงต้นปี 67 ถึงเดือน เม.ย.67 คาดระยะแรกประชาชนจะใช้เงินราว 1 แสนล้านบาท
นอกจากนี้เมื่อได้รัฐบาลใหม่ในเดือน ก.ย.หรือต้น ต.ค.66 สถานการณ์ทางการการเมืองนิ่ง รัฐบาลควรจะโรดโชว์ในต่างประเทศเพื่อดึงเม็ดเงินลงทุน โปรโมทการท่องเที่ยวไทย เพราะคนกล้าใช้จ่าย เอกชนทั้งไทยและต่างประเทศกล้าลงทุน
ส่วนส่งออกไทยในปีนี้ ยังคาดว่า น่าจะฟื้นจากปีนี้ติดลบร้อยละ 1-2 เนื่องจากตลาดต่างประเทศมีปัจจัยลบรุมเร้าจากเศรษฐกิจโลกทรุดตัวจากการปรับขึ้นดอกเบี้ย เศรษฐกิจจีนฟื้นตัวช้า แต่ไอเอ็มเอฟคาดเศรษฐกิจปีหน้าจะฟื้นตัวดีขึ้น คาดปีหน้าส่งออกขยายตัวร้อยละ 3-5 แม้จะยังมีปัจจัยเสี่ยงเรื่องภาวะภัยแล้งในปีหน้า
#กระตุ้นเศรษฐกิจ
#แจกเงินดิจิทัล
แฟ้มภาพ