การพบหลุมศพ 30 หลุม บนเขาในพื้นที่ ต.ปาดังเบซาร์ อ.สะเดา จ.สงขลา ที่สงสัยว่าน่าจะเป็นหลุมฝังศพชาวโรฮิงญา ที่ตกเป็นเหยื่อของกลุ่มค้ามนุษย์ พล.ต.อ.เอก อังสนานนท์ รอง ผบ.ตร. เปิดเผยผ่านจส. 100 ว่า จะเร่งดำเนินการขุดศพขึ้นมาตรวจพิสูจน์ว่าเป็นกลุ่มชาวโรฮิงญาหรือไม่ จากการขุดหลุมศพที่พบ มีทั้งศพ และโครงกระดูก รวมถึงยังพบชาวโรฮิงญาที่ป่วย 1 คน ซึ่งเจ้าหน้าที่ได้สอบถามและพูดคุยอยู่ ซึ่งได้ประโยชน์อย่างมาก โดยเฉพาะกลุ่มบุคคลและเครือข่าย รวมถึงเส้นทางลำเลียงเข้ามายังไทยชัดเจนมากขึ้น ขณะนี้ได้มีการขุดหลุมฝังศพไปแล้ว 8 หลุม พบศพ 4 ศพ และได้ส่งไปตรวจพิสูจน์ทราบว่าเป็นใครและสาเหตุการตาย
ส่วนแนวทางการคลี่คลายคดีนี้ได้วางไว้ 3 แนวทาง คือ จะต้องเร่งรัดทั้งคดีที่ จ.นครศรีธรรมราช ที่มีการแจ้งความลักพาตัวชาวโรฮิงญาไปเรียกค่าไถ่ ซึ่งมีการออกหมายจับแล้ว 4 คน ส่วนที่สองคือการตรวจโครงกระดูกที่พบในบริเวณสุสานฝังศพบนเทือกเขาแก้วต.ปาดังเบซาร์ อ.สะเดา จ.สงขลา ว่าเป็นใครและสาเหตุการตายและเกี่ยวข้องกับใครบ้างเพื่อนำตัวมาดำเนินคดี ส่วนที่สามคือการสอบสวนชาวโรฮิงญาที่ป่วยอยู่ในแคมป์เพื่อพิสูจน์ว่า พื้นที่ดังกล่าวมีใครเข้ามาเกี่ยวข้องและเป็นการทำผิดตามกฏหมายอย่างไร นอกจากนี้จะต้องมีการพิสูจน์ทราบพื้นที่บนเทือกเขาแก้ว ซึ่งเป็นรอยต่อชายแดนไทยมาเลเซียว่ายังมีชาวโรฮิงญาหลงเหลืออยู่อีกหรือไม่เพื่อให้การช่วยเหลือต่อไป
นอกจากนั้น ยังได้รวบรวมข้อมูลจากทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องซึ่งได้ข้อมูลบางส่วนแล้ว และการพบแคมป์และสุสานชาวโรฮิงญาในพื้นที่ต.ปาดังเบซาร์นั้นกรอบการสอบสวนจะเชื่อมโยงกัน ทั้งคดีเรียกค่าไถ่ที่อ.หัวไทร จ.นครศรีธรรมราช คดีฆ่านายหน้า 2 ศพในพื้นที่ จ.สตูล และ ต.ปาดังเบซาร์ อ.สะเดา จ.สงขลา เมื่อปลายปีที่ผ่านมา สำหรับแนวทางหลังจากนี้หากพบว่าเป็นการค้ามนุษย์ก็จะดำเนินคดีอย่างเด็ดขาด รวมทั้งการจัดการกับศพที่พบตามหลักฐานศาสนาอิสลาม และจะต้องช่วยเหลือชาวโรฮิงญาที่อาจหลงเหลืออยู่ในพื้นที่
ด้านพล.ต.ต.พรชัย สุธีรคุณ ผู้บังคับการสถาบันนิติเวชวิทยาโรงพยาบาลตำรวจ เปิดเผยว่า ขั้นตอนหลังจากที่มีการขุดศพทั้งหมดขึ้นมาจะต้องตรวจหาสาเหตุการตาย และเก็บดีเอ็นเอเพื่อพิสูจน์ตัวบุคคลนำไปเปรียบเทียบกับบุคคลต้องสงสัย ซึ่งอาจจะต้องใช้เวลาอีกระยะหนึ่งขึ้นอยู่กับจำนวนศพที่พบ ขณะนี้ยังไม่สามารถชี้ชัดได้ถึงสาเหตุการตายเนื่องจากสภาพศพแตกต่างกันในเรื่องของเวลา