การพัฒนาประสิทธิภาพการขนส่งสินค้าของการท่าเรือแห่งประเทศไทยหรือ กทท. เรือตรีทรงธรรม จันทประสิทธิ์ ผู้อำนวยการการท่าเรือกรุงเทพ รักษาการแทนผู้อำนวยการการท่าเรือแห่งประเทศไทย คาดว่า โครงการสร้างศูนย์ One stop service หรือศูนย์บริการจุดเดียวเบ็ดเสร็จ เพื่อรองรับประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนจะแล้วเสร็จในปี 2562 ผู้ประกอบการจะชำระค่าบริการและรับสินค้าได้ในจุดเดียว ส่วนโครงการพัฒนาพื้นที่นำเข้าและส่งออก โดยจะสร้างอาคารใหม่ไว้เก็บสินค้าทดแทนอาคารเก่าที่ใช้มานานกว่า 60 ปี อยู่ในขั้นตอนการศึกษาออกแบบ ส่วนโครงการสุดท้ายคือการพัฒนาท่าเทียบเรือชายฝั่งกรุงเทพ เพื่อรองรับตู้สินค้ากว่า 2.4 แสนตู้ต่อปี คาดว่าจะแล้วเสร็จปี 2560 การท่าเรือ เร่งพัฒนาระบบเอกสารอิเล็กทรอนิกส์เพื่อเชื่อมข้อมูลสินค้ากับกรมศุลกากรและผู้ประกอบการ เพื่อให้การรับส่งและการลงข้อมูลต่างๆรวดเร็วและตรงกัน
ส่วนการส่งออกทางเรือในปีนี้ ช่วงสามเดือนแรกพบว่าสินค้านำเข้ามีมากกว่าส่งออกในอัตราร้อยละ 55 ต่อ 45 สินค้าส่งออกส่วนใหญ่เป็นสินค้าเกษตร อะไหล่รถยนต์ ส่วนสินค้านำเข้าเช่น เหล็ก วัตถุเคมีภัณฑ์ คาดว่าปีนี้ภาพรวมการส่งออกทั้งหมดจะโตขึ้นร้อยละ 3-4
เรือตรีทรงธรรม ระบุว่า ปัจจุบันการท่าเรือกรุงเทพสามารถรองรับตู้สินค้าได้ปีละ 1.5 ล้านตู้ตามนโยบายของรัฐบาล เพื่อไม่ให้แออัดเกินไป ปีนี้มีรถสินค้าผ่านเข้าออกกว่าวันละ 3-4 พันคัน คาดว่า จะมีปริมาณตู้สินค้ารวมทั้งปีเท่ากับปีที่แล้ว หากต้องการจะรองรับตู้สินค้ามากกว่านี้ ต้องทำเรื่องไปยังรัฐบาลและพัฒนาประสิทธิภาพการบริการให้ได้มากกว่านี้ รัฐบาลจึงอาจปลดล็อคให้ได้
วันนี้การท่าเรือ ได้จัดกีฬาเปตองเป็นปีที่ 28 เชื่อมความสัมพันธ์ของพนักงานและสืบสานกีฬาไทยระหว่างวันที่ 2-3 พฤษภาคม ในการชิงถ้วยรางวัลกว่า 6 ประเภท โดยมีพล.อ.อ. กำธน สินธวานนท์ องคมนตรีเป็นประธานเปิดงาน รายได้ทั้งหมดจะนำไปบริจาคการกุศล และยังมีโครงการไปสร้างสนามเปตองและซื้ออุปกรณ์การเล่นให้กับนักเรียนที่ขาดแคลนตามจังหวัดต่างๆด้วย
ธีรวัฒน์