*รองผบ.ตร.พร้อมพฐ.ลงพื้นที่ตรวจสอบหลุมศพ ขยายผลจับขบวนการค้ามนุษย์*

หลังจากเจ้าหน้าที่ทหารจากกองกำลังเทพสตรี ตำรวจตระเวนชายแดน ตำรวจ สภ.ปาดังเบซาร์, ชุดสืบภาค 9, ชุดพิสูจน์หลักฐาน และชุดเก็บกู้วัตถุระเบิด ลงพื้นที่ติดชายแดนไทย–มาเลเซีย ตรวจพบที่พักชั่วคราวประมาณ 26 หลัง และหลุมคล้ายหลุมฝังศพ ปักไม้เรียงกัน จำนวน 30 กว่าหลุม บริเวณภูเขาลูกช้างบ้านตะโละ ต.ปาดังเบซาร์ อ.สะเดา จ.สงขลา ฝั่งตรงข้าม บ้านปาดังเบซาร์ อ.เมืองกางาร์ รัฐเปอร์ลิส ประเทศมาเลเซีย คาดว่าเป็นผู้หลบหนีเข้าเมืองชาวโรฮิงยาและอาจเกี่ยวข้องกับกลุ่มลักลอบนำพาผู้หลบหนีเข้าเมืองโดยผิดกฎหมายในพื้นที่ พล.ต.อ.เอก อังสนานนท์ รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ฝ่ายป้องกันและปราบปราม เปิดเผยว่า พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม สั่งการให้ลงพื้นที่พร้อมทีมพิสูจน์หลักฐาน (พฐ.) ตรวจสอบหาสาเหตุการเสียชีวิต รวมถึงตรวจสอบไปยังพื้นที่อื่น ที่คาดว่ายังคงมีค่ายกักกันชาวโรฮิงยาตามแนวชายแดน เบื้องต้นเชื่อว่าสถานที่ดังกล่าวเป็นที่พักพิงชั่วคราว เพื่อเคลื่อนย้ายแรงงานชาวโรฮิงยาไปยังประเทศปลายทาง โดยเชื่อว่ามีคนไทย มาเลเซีย พม่ามีส่วนร่วม โดยเช้านี้ จะลงพื้นที่ไปพร้อมกับตำรวจพิสูจน์หลักฐาน และผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดสงขลา เพื่อติดตามความคืบหน้า สถานกักกันหรือค่ายดังกล่าวอยู่บนยอดเขาสูง มีพื้นที่กว่า 1 ไร่ มีทั้งโรงนอน โรงอาหาร และพบหลุมฝังศพ 32 หลุม อยู่ห่างจากชายแดนประเทศมาเลเซียเพียง 300 เมตร เชื่อว่าเป็นเพราะต้องการเคลื่อนย้ายแรงงานได้ตลอดเวลา และให้ยากต่อการจับกุมของเจ้าหน้าที่

ก่อนหน้านี้ พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ(ผบ.ตร.) กล่าวว่า ค่ายดังกล่าวน่าจะเป็นการลักลอบตั้งมานานแล้ว และมีลักษณะกักกัน เพราะมีห้องพักและมีไม้ไผ่กั้นเอาไว้เพื่อป้องกันการหลบหนี และค่ายนี้น่าจะเป็นจุดพักรอเพื่อส่งต่อไปยังจุดหมายปลายทาง สั่งการให้ตรวจสอบพื้นที่แนวชายแดนว่ามีค่ายกักกันในลักษณะนี้อีกหรือไม่

พ.อ.บรรพต พูลเพียร โฆษกกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร (กอ.รมน.) เปิดเผยว่า พล.อ.อุดมเดช สีตบุตร รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม และผู้บัญชาการทหารบก ได้รับทราบรายงานและสั่งการให้กองกำลังเทพสตรี บูรณาการร่วมกับส่วนราชการที่เกี่ยวข้องเร่งคลี่คลายเหตุการณ์ตามรูปคดี โดยอาศัยหลักฐานตามผลนิติเวชและการพิสูจน์อัตลักษณ์บุคคล พร้อมกันนี้ได้แสดงความห่วงใยการดูแลผู้หลบหนีเข้าเมืองตามหลักมนุษยธรรมและหลักสิทธิมนุษยชนพื้นฐาน และได้กำชับด่านตรวจต่างๆ ให้เข้มงวดจับกุมกลุ่มผู้ลักลอบนำพาผู้หลบหนีเข้าเมืองโดยผิดกฎหมายต่อไป

CR: Tichila Phutthasaraphan