ผศ.ดร.บุญอยู่ ขอพรประเสริฐ อนุกรรมการแก้ไขกฎหมายควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ พ.ศ.2551 กล่าวถึงกรณีนายปดิพัทธ์ สันติภาดา รองประธานสภาผู้แทนราษฎร คนที่ 1 โพสต์เฟซบุ๊ก ภาพถือขวดคราฟเบียร์ พร้อมระบุข้อความว่า เป็นคราฟเบียร์ตัวแรกใน จ.พิษณุโลก จนทำให้มีบางฝ่ายตั้งข้อสังเกตว่า ผิดกฎหมายฐานการโฆษณาเครื่องดื่มแอลกอฮอล์หรือไม่
โดย ผศ.ดร.บุญอยู่ ระบุว่า หากว่าตามหลักกฎหมาย พ.ร.บ.ควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ พ.ศ.2551 ในมาตรา 32 ระบุชัดเจนว่า ห้ามมิให้ผู้ใดโฆษณาเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ หรือแสดงชื่อหรือเครื่องหมายของเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ อันเป็นการอวดอ้างสรรพคุณหรือชักจูงใจผู้อื่นดื่มโดยตรงหรือโดยอ้อม ซึ่งจะเป็นการควบคุม 2 กรณี ทั้งการโฆษณาและการแสดงชื่อเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ กรณีดังกล่าวจะเข้าข่ายเรื่องที่ 2 คือ การแสดงชื่อหรือเครื่องหมาย ทั้งยังมีข้อความระบุว่า ของดีพิษณุโลก,สดชื่น ทั้งหมดนี้เป็นคำชักจูงใจ
ผศ.ดร.บุญอยู่ ยังระบุว่า นายปดิพัทธ์ เป็นบุคคลที่มีอิทธิพลต่อสังคม (influencer) อยู่แล้ว แค่โชว์ภาพก็ถือเป็นการจูงใจแล้ว ดังนั้นถ้าตีความตามกฎหมายที่ใช้ในขณะนี้ ก็ถือเป็นความผิดตามมาตรา 32 ซึ่งมีบทลงโทษตามมาตรา 43 คือผู้ใดฝ่าฝืนมาตรา 32 จะต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 1 ปี หรือปรับไม่เกิน 5 แสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ นอกจากนั้น ถ้ายังฝ่าฝืนต่อ ก็จะมีการปรับเป็นรายวัน เช่น ภาพที่โพสต์ ยังโพสต์ต่อ ก็จะปรับวันละไม่เกิน 5 หมื่นบาท จนกว่าจะมีการแก้ไขให้ถูกต้อง
กรณีนี้ ถ้าหากเจ้าหน้าที่ตาม พ.ร.บ.ควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ฯ ซึ่งอยู่ภายใต้สังกัดสำนักงานคณะกรรมการควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข หากพบความผิดเป็นที่ประจักษ์เช่นนี้ ก็สามารถแจ้งความร้องทุกข์ได้ รวมถึงกรณีที่มีผู้ร้องเรียนเข้ามาให้เจ้าหน้าที่ดำเนินการ หากจำเป็นต้องตีความกรณีดังกล่าว ก็จะมีคณะอนุกรรมการชื่อว่า คณะอนุกรรมการพิจารณาการกระทำความผิด ตาม พรบ.ควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ฯ เป็นผู้พิจารณาตีความ ซึ่งโดยส่วนตัวมองว่า กรณีนี้ชัดเจนกว่ากรณีที่นายศรีสุวรรณ จรรยา ร้องเอาผิดกับ นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ที่ได้พูดชื่อแอลกอฮอล์ผ่านสื่อ เพราะกรณีนายพิธา ยังมีความคลุมเครือว่าเป็นการยกตัวอย่างหรือเป็นนโยบาย โดยกรณีของนายพิธา อยู่ระหว่างการนัดประชุมคณะอนุกรรมการพิจารณาการกระทำความผิดฯ
#ปดิพัทธ์สันติภาดา
#เครื่องดื่มแอลกอฮอล์