ตร.-อย. ลุยจัดระเบียบร้านขายยาทั่วกรุง ลอบขายยาแก้ไอให้เยาวชนนำไปผสมยาเสพติด

15 สิงหาคม 2566, 11:33น.


          ตำรวจกองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับการคุ้มครองผู้บริโภค (บก.ปคบ.) ร่วมกับเจ้าหน้าที่สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา หรือ อย. แถลงข่าวการจับกุมเครือข่ายร้านขายยา ที่ลักลอบขายยาแก้ไอให้เยาวชน และจับเภสัชกรเถื่อน 13 ราย ทั่วกรุงเทพฯ พร้อมยึดของกลางกว่า 156 รายการ มูลค่าความเสียหายกว่า 1,400,000 บาท



          สืบเนื่องจากเจ้าหน้าที่ตำรวจกองบังคับการปราบปรามการกระเกี่ยวกับการคุ้มครองผู้บริโภค ได้รับการร้องเรียนจากประชาชนและได้รับการประสานงานจากสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา ให้ตรวจสอบร้านขายยาที่มีพฤติกรรมใช้พนักงานขายยาที่ไม่ใช่เภสัชกร ขายยาแก้แพ้ ยาแก้ไอ ยาแคปซูลเขียวเหลืองให้กลุ่มวัยรุ่น เพื่อนำไปเป็นส่วนผสมยาเสพติดชนิด 4x100





           ซึ่งในช่วงวันที่ 24 กรกฎาคม 2566 - 9 สิงหาคม 2566 เจ้าหน้าที่ตำรวจสนธิกำลังกับเจ้าหน้าที่ อย. เข้าตรวจสอบร้านขายยาที่ทำผิดกฎหมายรายใหญ่ ในพื้นที่ กรุงเทพมหานคร จำนวน 14 จุด ได้แก่  1.ร้านขายยาไทยฟาร์มาซี 5 สาขา, 2. ร้านคลินิกยา 4 สาขา, 3.ร้านพูนทรัพย์ฟาร์มาซี 2 สาขา, 4.ร้านขายยาพาดาเจริญเภสัช 2 สาขา และ 5. ร้านบ้านยาของขวัญ 



          ตรวจยึดยาปลอม 572 ชิ้น, ยาไม่มีทะเบียน จำนวน 212 ชิ้น, ยาแก้ไอชนิดน้ำเชื่อม 24,722 ขวด, ยาเขียวเหลือง(ทรามาดอล) 4,150 แคปซูล และยาควบคุมพิเศษ จำนวน 21 กล่อง จับกุมผู้ต้องหาซึ่งไม่ใช่เภสัชกรและไม่มีความรู้ด้านเภสัชกรรม โดยผู้ต้องหา จบการศึกษาระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 จำนวน 3 ราย,มัธยมศึกษาปีที่ 6 จำนวน 2 ราย และปริญญาตรี จำนวน 8 ราย รวมทั้งสิ้น 13 ราย ดำเนินคดีข้อหา "ประกอบวิชาชีพเภสัชกรรมฯ โดยมิได้ขึ้นทะเบียนและรับใบอนุญาต"โดยผู้ต้องหาทั้งหมดให้การรับว่ารับจ้างเป็นพนักงานขายยาภายในร้านขายยา  ซึ่งจะมีเภสัชกรเข้ามาดูแลร้านเพียงสัปดาห์ละ 1 ครั้ง โดยได้รับค่าจ้างเดือนละ 12,000-18,000 บาท





          จากการสืบสวนขยายผลพบว่า ร้านขายยาดังกล่าวมีรูปแบบการกระทำความผิดในลักษณะที่เจ้าของผู้ดำเนินกิจการรายเดียว  ยื่นขออนุญาตเปิดร้านขายยาหลายแห่ง เพื่อจะได้รับโควต้าในการซื้อยาแก้แพ้ ยาแก้ไอในปริมาณมาก ซึ่งเครือข่ายดังกล่าวมีเจ้าของประกอบด้วย น.ส.อุมาพร(สงวนนามสกุล) จำนวน 8 ร้าน, น.ส.วนิดา (สงวนนามสกุล) จำนวน 3 ร้าน, นายพัทธนนท์ (สงวนนามสกุล)จำนวน 2 ร้าน และ น.ส.นวรัตน์ จำนวน 1 ร้าน



          โดยสถานที่ตั้งร้าน จะเลือกทำเลอยู่ในแหล่งชุมชนหรืออพาร์ทเม้นท์ ซึ่งมีกลุ่มวัยรุ่นพักอาศัยอยู่มาก ทำให้สะดวกต่อการซื้อ ซึ่งจริงๆแล้ว ร้านขายยาในชุมชน มีเจตนารมณ์เพื่อให้ประชาชนสามารถเข้าถึงการรักษาโรคและยาได้ง่ายขึ้น แต่ปัจจุบัน บรรดาผู้ประกอบการที่คิดแสวงหากำไรอาศัยช่องว่างทางกฎหมายโดยการขายยาบางประเภทผิดจากวัตถุประสงค์ โดยมุ่งเน้นจำหน่ายเฉพาะกลุ่มวัยรุ่น เพื่อนำมาผสมกับน้ำกระท่อมดื่มเพื่อความมึนเมาและเสพติดเป็นจำนวนมาก



          เบื้องต้นมีความผิดตามพระราชบัญญัติวิชาชีพเภสัชกรรม พ.ศ.2537 มาตรา 28 ฐาน ประกอบวิชาชีพเภสัชกรรม โดยมิได้ขึ้นทะเบียนและรับใบอนุญาต  โทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี หรือปรับไม่เกิน 30,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ, ความผิดตามพระราชบัญญัติยา พ.ศ.2510  ฐานไม่จัดทำบัญชียาที่ซื้อและขายตามที่กำหนดในกฎกระทรวง โทษปรับ 2000-10,000 บาท,ขายยาอันตรายในระหว่างที่เภสัชกรไม่อยู่ปฏิบัติหน้าที่  โทษปรับ 1,000-5,000 บาท,ขายยาที่ยังไม่ขึ้นทะเบียนตำรับยา โทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี หรือปรับไม่เกิน 5,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และหากตรวจพบว่าเป็นยาปลอม จะมีความผิด ฐานขายยาปลอม โทษจำคุกตั้งแต่ 1-20 ปี หรือปรับตั้งแต่ 2,000-10,000 บาท



          ส่วนเภสัชกรประจำร้าน มีความผิดฐานไม่อยู่ปฏิบัติหน้าที่ในช่วงเวลาทำการ รวมถึงไม่ควบคุมการขายยา ควบคุมการส่งมอบยา อันตราย และควบคุมการทำบัญชีซื้อและขายยาตามที่กำหนดในกฎกระทรวง โทษปรับตั้งแต่ 1,000 - 5,000 บาท



          พ.ต.อ.ชัฏฐ นากแก้ว รอง ผบก.ปคบ. กล่าวว่า จากการตรวจสอบในครั้งนี้ พบยาไม่มีทะเบียน  ซึ่งทางตำรวจเฝ้าระวังและจะขยายผล  ถึงต้นตอของยาไม่มีทะเบียน และยาปลอมที่ตรวจพบในร้านขายยาต่อไป  พร้อมขอความร่วมมือร้านขายยาทั้งหลายให้ปฏิบัติตามกฎหมายอย่างเคร่งครัด  และร้านที่ไม่ได้รับอนุญาตจะดำเนินการกวาดล้างทั้งหมด  





          ด้านเภสัชกรวีระชัย นลวชัย รองเลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา กล่าวว่า  อย. มีมาตรการกำกับดูแลการจำหน่ายยากลุ่มเสี่ยงตลอดห่วงโซ่ ตั้งแต่การผลิต นำเข้า การขายให้ร้านขายยา ตลอดจนการจ่ายยาให้ผู้ป่วย กรณีตรวจพบการซื้อขายยาในทางที่ผิด นอกจากจะถูกดำเนินคดีตามกฎหมายแล้ว ยังถูกพักใช้ใบอนุญาตเป็นเวลา 120 วัน หรือถูกเพิกถอนใบอนุญาตด้วย โดยตั้งแต่ปี  2561 -ปัจจุบัน มีร้านขายยาที่ถูกพักใช้ใบอนุญาตไปแล้วกว่า 78 ร้าน, โรงงานผลิตยาถูกพักใช้ใบอนุญาต 2 แห่ง และบริษัทขายส่งยาถูกเพิกถอนใบอนุญาต 1 แห่ง   



          สำหรับเภสัชกรที่ไม่อยู่ปฏิบัติหน้าที่ในช่วงเวลาทำการหรือไม่ควบคุมการจัดทำบัญชีซื้อและขายยาโดยเฉพาะยาอันตรายกลุ่มเสี่ยง อย. จะดำเนินคดีตามกฎหมายและส่งเรื่องให้สภาเภสัชกรรมพิจารณาจรรยาบรรณต่อไป หากผู้บริโภคพบร้านขายยาที่มีพฤติการณ์ดังกล่าว  สามารถแจ้งได้ที่สายด่วน อย.1556 หรือผ่าน Email 1556@fda.moph.go.th, Line: @FDAThai,  Facebook FDAThai หรือ ตู้ปณ.1556 ปณฝ.กระทรวงสาธารณสุข จ.นนทบุรี 11004 หรือสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดทั่วประเทศ



#ลอบขายยาแก้ไอ



#ร้านขายยา



#เภสัชกรเถื่อน



 

ข่าวทั้งหมด

X