กระทรวงแรงงานสหรัฐฯ เปิดเผยดัชนี CPI ซึ่งเป็นมาตรวัดเงินเฟ้อจากการใช้จ่ายของผู้บริโภค ประจำเดือนก.ค.ในวันนี้ ทั้งนี้ ดัชนี CPI ทั่วไป ซึ่งรวมหมวดอาหารและพลังงาน ปรับตัวขึ้น ร้อยละ 3.2 ในเดือนก.ค. เมื่อเทียบรายปี ต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ที่ร้อยละ 3.3 เมื่อเทียบรายเดือน ดัชนี CPI ทั่วไปปรับตัวขึ้นร้อยละ 0.2 ในเดือนก.ค. สอดคล้องกับตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์
ส่วนดัชนี CPI พื้นฐาน ซึ่งไม่นับรวมหมวดอาหารและพลังงาน ปรับตัวขึ้นร้อยละ 4.7 ในเดือนก.ค. เมื่อเทียบรายปี สอดคล้องกับตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์
ตัวเลข CPI ที่ออกมา ทำให้ ดัชนีดาวโจนส์ ทะยานกว่า 300 จุด เนื่องจาก ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ที่ต่ำกว่าคาด ซึ่งจะเป็นปัจจัยทำให้ธนาคารกลางสหรัฐฯ หรือ เฟด ชะลอการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย เปิดตลาด ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์อยู่ที่ 35,431.25 จุด เพิ่ม 307.89 จุด
นอกจากนี้ การซื้อขายในตลาดได้แรงหนุนจากการอ่อนค่าของดอลลาร์ และการปรับตัวลงของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐ หลังการเปิดเผยดัชนี CPI
การอ่อนค่าของดอลลาร์จะช่วยเพิ่มกำไรของบริษัทจดทะเบียนที่มีรายได้จากต่างประเทศ ส่วนการปรับตัวลงของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯอายุ 10 ปี ซึ่งเป็นพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯที่ใช้อ้างอิงในการกำหนดราคาของตราสารหนี้ทั่วโลก ซึ่งรวมถึงอัตราดอกเบี้ยจำนองของสหรัฐฯ จะทำให้ผู้บริโภคมีเงินสำหรับการใช้จ่ายเพิ่มมากขึ้น และช่วยลดต้นทุนการชำระหนี้ของบริษัทต่างๆ ทำให้บริษัทเหล่านี้สามารถเพิ่มการลงทุน และเพิ่มการจ่ายเงินปันผลแก่นักลงทุน
ล่าสุด FedWatch Tool ของ CME Group บ่งชี้ว่า นักลงทุนให้น้ำหนักร้อยละ 90.5 ที่เฟดจะคงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับร้อยละ 5.25-5.50 ในการประชุมวันที่ 19-20 ก.ย.66 และให้น้ำหนักเพียงร้อยละ 9.5 ที่เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยร้อยละ 0.25 สู่ระดับร้อยละ 5.50-5.75
#เศรษฐกิจสหรัฐ