บีบีซี รายงานว่า บริษัท ฟิทช์ เรตติ้ง จำกัด (Fitch Ratings) หนึ่งในบริษัทจัดอันดับเครดิตรายใหญ่ของโลก ปรับลดอันดับเครดิตของรัฐบาลสหรัฐฯลงมาที่ระดับ AA+ หรือลดลงหนึ่งขั้นจากเดิม AAA หลังแสดงความเป็นกังวลเรื่องสถานะการเงินการคลังและภาระหนี้ของสหรัฐฯ ระบุว่า การปรับลดอันดับเครดิตสหรัฐฯสะท้อนถึงการเงินการคลังของสหรัฐฯจะย่ำแย่อย่างต่อเนื่องในช่วง 3 ปีข้างหน้า ทั้งภาระหนี้สาธารณะที่สูงขึ้น อีกทั้งประสิทธิภาพการกำกับควบคุมหนี้สาธารณะจะย่ำแย่ลง เมื่อเทียบกับประเทศอุตสาหกรรมชั้นนำอื่นๆในกลุ่ม G7
บริษัท ฟิทช์ ตั้งข้อสังเกตว่า การบริหารจัดการด้านการคลังและหนี้สาธารณะของสหรัฐฯย่ำแย่มาโดยต่อเนื่องตลอด 20 ปีที่ผ่านมา นอกจากนี้ การเจรจาของสองพรรคการเมืองของสหรัฐฯคือ พรรครีพับลิกันและพรรคเดโมแครต ในเดือนมิถุนายน ตกลงให้มีการขยายเพดานหนี้สาธารณะของสหรัฐฯไปจนถึงเดือนมกราคม 2568 เท่านั้น
นางเจเน็ต เยลเลน รัฐมนตรีกระทรวงการคลังสหรัฐฯไม่เห็นด้วยกับเรื่องนี้ วิจารณ์การปรับลดอันดับเครดิตสหรัฐฯโดยบริษัทฟิทช์ว่า ดำเนินการฝ่ายเดียว ไม่มีการสอบถามข้อมูลต่างๆจากรัฐบาลสหรัฐฯก่อน อีกทั้งอ้างอิงข้อมูลเก่าระหว่างปี 2561-2563 นางเยลเลน กล่าวว่า ในปัจจุบัน พันธบัตรของกระทรวงการคลังสหรัฐฯ เป็นสินทรัพย์ที่ความมั่นคงและมีสภาพคล่องมากที่สุดในโลก อีกทั้งพื้นฐานของเศรษฐกิจสหรัฐฯยังคงแข็งแรง
โดยปกติ บรรดานักลงทุนส่วนใหญ่จะใช้ข้อมูลเรื่องอันดับเครดิตมาประกอบการตัดสินใจว่า การลงทุนในตราสารหนี้ เช่นการซื้อพันธบัตรรัฐบาล มีความเสี่ยงต่อการลงทุนหรือไม่
ก่อนหน้านี้ สมาชิกสภาคองเกรสจากพรรครีพับลิกันและพรรคเดโมแครตของสหรัฐฯต้องเจรจาเรื่องการขยายเพดานหนี้ของสหรัฐฯในเดือนมิถุนายน ซึ่งรัฐบาลประธานาธิบดีโจ ไบเดนของสหรัฐฯประสบความสำเร็จในการเสนอให้สภาคองเกรสลงมติรับรองให้ขยายเพดานหนี้สาธารณะของสหรัฐฯมาอยู่ที่ 31.4 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ช่วยให้สหรัฐฯเลี่ยงการผิดนัดชำระหนี้ได้สำเร็จ
แต่เมื่อสมาชิกสภาคองเกรสสหรัฐฯกลับมาประชุมอีกครั้ง หลังปิดสมัยประชุมช่วงฤดูร้อนในเดือนสิงหาคมนี้ สมาชิกสภาคองเกรสสหรัฐฯจะต้องเร่งจัดทำแผนงบประมาณสำหรับปี 2567 ให้เสร็จก่อนสิ้นเดือนกันยายนนี้ เพื่อป้องกันไม่ให้รัฐบาลสหรัฐฯขาดแคลนงบประมาณมาบริหารประเทศถึงขั้นที่อาจต้องชัตดาวน์หน่วยงานรัฐบางแห่ง เพื่อประหยัดงบประมาณ
#ฟิทช์
#ปรับลดอันดับเครดิตสหรัฐฯ