ผลการประชุมคณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงิน (FOMC) ของธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) มีมติเป็นเอกฉันท์ประกาศขึ้นอัตราดอกเบี้ยระยะสั้น 0.25% สู่ระดับ 5.25-5.50% ในการประชุม 25-26 ก.ค.66 ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบ 22 ปี การประกาศขึ้นอัตราดอกเบี้ยดังกล่าว เป็นไปตามที่ตลาดคาดการณ์ไว้ และเป็นการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเป็นครั้งที่ 11 นับตั้งแต่ที่เฟดเริ่มวัฏจักรปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเมื่อเดือนมี.ค.65 ทำให้เฟดปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยรวม 5.25%
นายเจอโรม พาวเวล ประธานเฟด กล่าวว่า ธนาคารกลางจะตัดสินใจอย่างรอบคอบ โดยพิจารณาและยึดข้อมูลทางเศรษฐกิจ การปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยทำให้เงินเฟ้อลดลงบ้างตั้งแต่กลางปีที่แล้ว แต่ยังไม่ถึงกรอบที่ตั้งเป้าหมายไว้ที่ร้อยละ 2
นายโจ บรูซูเอลาส หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์ของ RSM กล่าวว่า สถานการณ์เศรษฐกิจน่าจะซึมซับ การปรับขึ้นดอกเบี้ยรอบล่าสุดนี้ น่าจะเป็นเงื่อนไขที่เฟดสามารถยุติวงจรการปรับขึ้นดอกเบี้ย
สถาบันการเงินโกลด์แมน แซคส์ ให้ความเห็นว่าถ้อยแถลงของเฟด ไม่ได้ส่งสัญญาณชะลอการปรับขึ้นดอกเบี้ยในอนาคต แต่คาดหมายว่าจะมีการพักการปรับขึ้นดอกเบี้ยในเดือนก.ย.66
การประชุมเฟดในรอบต่อไปในปีนี้ คือ วันที่ 19-20 ก.ย.66,วันที่ 31 ต.ค.-1 พ.ย.66,วันที่ 12-13 ธ.ค.66
ส่วนตลาดหุ้นสหรัฐฯ ปิดตลาด วันพุธ(26ก.ค.66) ปิดในกรอบแคบๆแบบผสมผสาน
-ดาวโจนส์ เพิ่มขึ้น 82.05 จุด (0.23%) ปิดที่ 35,520.12 จุด
-เอสแอนด์พี ลดลง 0.71 จุด (0.02%) ปิดที่ 4,566.75 จุด
-แนสแดค ลดลง 17.27 จุด (0.12%) ปิดที่ 14,127.28 จุด
ราคาทองคำ ปิดในแดนบวก
-ราคาทองคำโคเม็กซ์ งวดส่งมอบเดือนส.ค.66 เพิ่มขึ้น 6.40 ดอลลาร์ ปิดที่ 1,970.10 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ก่อนดีดตัวขึ้นต่อเนื่องในการซื้อขายทางอิเล็กทรอนิกส์ ตามหลัง เฟด ตัดสินใจปรับขึ้นดอกเบี้ย
#เฟดขึ้นดอกเบี้ย
CR:CNBC
แฟ้มภาพ