ดีลเลอร์เปิดเผย หลังการตัดสินใจของอินเดียในการห้ามส่งออกข้าวขาวที่ไม่ใช่พันธุ์บาสมาติ ว่าจะทำให้เทรดเดอร์ต้องยกเลิกสัญญาขายข้าวราว 2 ล้านตัน คิดเป็นมูลค่า 1 พันล้านดอลลาร์สหรัฐในตลาดโลก
เมื่อวันพฤหัสบดี(20 ก.ค.) อินเดียซึ่งส่งออกข้าวคิดเป็นสัดส่วน 40% ของโลกนั้นได้สั่งยุติการส่งออกข้าวโดยมีผลบังคับใช้ในทันที เพื่อสกัดกั้นการปรับตัวขึ้นของราคาข้าวภายในประเทศที่ทะยานขึ้นสู่ระดับสูงสุดในรอบหลายปีในช่วงไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมา เนื่องจากสภาพอากาศที่เลวร้ายส่งผลกระทบต่อผลผลิตข้าว
ดีลเลอร์ 4 รายยืนยันว่า สัญญาส่งออกข้าวราว 2 ล้านตัน มูลค่าราว 1 พันล้านดอลลาร์มีความเสี่ยงที่จะถูกยกเลิก โดยใช้เหตุผลว่าเป็นเหตุสุดวิสัยจากการประกาศห้ามส่งออก
นายนิธิน คุปตะ รองประธานอาวุโสของบริษัทโอแลม อากริ อินเดีย เปิดเผยกับสำนักข่าวรอยเตอร์ว่า ก่อนการห้ามส่งออกนั้น อินเดียเคยส่งออกข้าวขาวที่ไม่ใช่พันธุ์บาสมาติราว 500,000 ตันทุกๆ เดือน
เทรดเดอร์ กล่าวว่า ขณะที่ราคาข้าวในตลาดโลกจะปรับตัวขึ้นเพราะอินเดียห้ามการส่งออก แต่ราคาภายในประเทศมีแนวโน้มลดลง สำหรับประเทศรายใหญ่ที่ซื้อข้าวที่ไม่ใช่พันธุ์บาสมาติของอินเดียได้แก่ เบนิน เซเนกัล ไอวอรี่โคสต์ โตโก กินี บังกลาเทศ และเนปาล
ข้าวเป็นอาหารหลักของประชากรกว่า 3 พันล้านคน และเกือบ 90% ของผลผลิตข้าวซึ่งต้องใช้น้ำมากในการเพาะปลูกนั้น ผลิตขึ้นในเอเชีย ซึ่งกำลังเผชิญกับสภาพอากาศแบบเอลนีโญ ที่ทำให้ปริมาณน้ำฝนลดลง
ก่อนหน้านี้ กระทรวงพาณิชย์อินเดีย ออกประกาศคำสั่งห้ามการส่งออกข้าวสาลีในวันศุกร์ (13 พ.ค.66) ให้มีผลบังคับใช้ในทันที โดยการขนส่งข้าวสาลีจะทำได้ก็ต่อเมื่อเป็นเงื่อนไขบนพื้นฐานของความมั่นคงด้านอาหารและตามคำขอของรัฐบาลประเทศที่ขอความช่วยเหลือ สาเหตุมาจาก สภาพอากาศที่ร้อนผิดปกติ ทำให้ผลผลิตลดลงร้อยละ 10-50 ทำให้สต็อกข้าวสาลีลดลงมาก รัฐบาลของนายกรัฐมนตรี นเรนทรา โมดี จึงมีคำสั่งห้ามส่งออกข้าวสาลีในทันที ซึ่งส่งผลกระทบต่อต้นทุนราคาอาหาร และอาหารสัตว์
#สัญญาขายข้าวอินเดีย
#ผลกระทบห้ามส่งออกข้าวขาวอินเดีย