พรรคก้าวไกล แถลงเปิดทางให้พรรคเพื่อไทยจัดตั้งรัฐบาล เสนอชื่อแคนดิเดตนายกฯ

21 กรกฎาคม 2566, 11:26น.


          นายชัยธวัช ตุลาธน เลขาธิการพรรคก้าวไกล แถลงความคืบหน้าการเจรจาจัดตั้งรัฐบาล โดยระบุว่า การเลือกตั้งเมื่อวันที่ 14 พ.ค.ที่ผ่านมา เป็นการประกาศเจตจำนงค์ของประชาชนอย่างชัดเจน ว่าต้องการเปลี่ยนขั้วรัฐบาล ด้วยการลงคะแนนเสียงเลือกพรรคก้าวไกลและพรรคเพื่อไทย  จนชนะเป็นอันดับ 1 และอันดับ 2 ซึ่งเป้าหมายสูงสุดของพรรคก้าวไกลในฐานะพรรคที่ได้คะแนนเสียงเป็นอันดับ 1 คือ จัดตั้งรัฐบาลใหม่ให้สำเร็จ เพื่อหยุดยั้งการสืบทอดอำนาจของรัฐบาลเดิม 



          แต่ตลอด 2 เดือนที่ผ่านมา สถานการณ์ทุกอย่างชี้ชัดว่า ทุกองคาพยพของฝ่ายอนุรักษ์นิยม ไม่ยอมให้ก้าวไกลเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล โดยนำเรื่องมาตรา 112 มาบังหน้า และอ้างความจงรักภักดีมาปะทะกับการเลือกตั้งของประชาชน  นอกจากนี้ยังมีการเคลื่อนไหวผ่าน กกต.และศาลรัฐธรรมนูญ เพื่อหวังตัดสิทธิ์ของแกนนำพรรคและยุบพรรคก้าวไกลให้ได้ สว.จึงฝืนมติมหาชน ไม่โหวตเลือกนายกฯ ตามเสียงส่วนใหญ่ของสภาผู้แทนราษฎร และยังทำลายหลักการ ตีความข้อบังคับของรัฐสภาให้ขัดต่อรัฐธรรมนูญ เปรียบเสมือนการล้มล้างการปกครองหรือฉีกรัฐธรรมนูญด้วยกฎหมู่  เพียงเพื่อขัดขวางไม่ให้เสนอชื่อนายพิธาเป็นนายกรัฐมนตรีในการโหวตครั้งที่สอง



           นายชัยธวัช ระบุว่า พรรคก้าวไกลไม่ยอมรับการตีความข้อบังคับดังกล่าว แต่ภายใต้การทำงานที่สอดประสานกันภายใต้องคาพยพของฝ่ายอนุรักษ์นิยมอย่างนี้ พรรคก้าวไกลจำเป็นต้องขอโทษประชาชนและยอมรับอย่างตรงไปตรงมาว่า “พวกเขา” ไม่ยอมให้พรรคก้าวไกลเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล



          แต่การที่นายพิธา ไม่สามารถเป็นนายกรัฐมนตรีได้ ไม่ได้หมายความว่าภารกิจในการจัดตั้งรัฐบาล เพื่อพลิกขั้วอำนาจรัฐบาลจะไม่สำเร็จไปด้วย เป้าหมายสูงสุดของพรรคก้าวไกลในฐานะพรรคอันดับ 1 ยังคงอยู่ นั่นคือการจัดตั้งรัฐบาลเพื่อหยุดยั้งการสืบทอดอำนาจของรัฐบาลเดิมให้สำเร็จ สิ่งสำคัญในวันนี้ จึงไม่ใช่เรื่องนายพิธาจะได้เป็นนายกฯหรือไม่  แต่เป็นเรื่องประเทศจะกลับสู่ประชาธิปไตยได้หรือไม่ หยุดการสืบทอดอำนาจได้หรือไม่



          เมื่อเป็นเช่นนี้ พรรคก้าวไกลจะเปิดโอกาสให้ประเทศ ให้พรรคอันดับสอง คือพรรคเพื่อไทย เป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาลของพันธมิตร 8 พรรคที่เคยทำเอ็มโอยูร่วมกัน ในการประชุมรัฐสภาครั้งต่อไป  พรรคก้าวไกลจะเสนอชื่อแคนดิเดตจากพรรคเพื่อไทย เป็นนายกรัฐมนตรีคนที่ 30 เช่นเดียวกับที่พรรคเพื่อไทยเคยสนับสนุนพรรคก้าวไกล



            นายชัยธวัช กล่าวว่า จากนี้จะเป็นบทบาทหลักของพรรคเพื่อไทย ในการพูดคุยจัดตั้งรัฐบาลต่อไป  ส่วนการแก้ไขมาตรา 112 ยังไม่ได้มีการพูดคุยกัน ซึ่งโดยมารยาทเมื่อพรรคก้าวไกล เปิดทางให้พรรคเพื่อไทยเป็นแกนนำตั้งรัฐบาล ต่อจากนี้จะเป็นบทบาทของพรรคเพื่อไทยในการดำเนินการ ขณะที่เอ็มโอยูของ 8 พรรค ต้องรอหารือกันอีกครั้ง รวมทั้งประเด็นการดึงพรรคอื่นๆ มาร่วม ก็ต้องมีการพูดคุยกันใน 8 พรรคร่วมด้วยว่า จะมีเงื่อนไขอะไร จะยอมรับได้หรือไม่ ซึ่งต้องรอให้พรรคเพื่อไทยนัดหารือก่อน คาดว่าภายใน 2-3 วันนี้



          ส่วนกรณีถ้าจะมี “ลุง” มาร่วมด้วยนั้น นายชัยธวัช ตอบว่า เป็นจุดยืนที่ชัดเจนของพรรคก้าวไกล จึงไม่ต้องมีการพูดคุยกัน สิ่งที่เราได้สัญญากับพี่น้องประชาชน เราคงไม่สามารถเสียสัจจะเรื่องนี้ได้ 



          ส่วนประเด็นการลดเพดานมาตรา 112 นายชัยธวัช ระบุว่า ขอให้รอดูการพูดคุยกับพรรคเพื่อไทยก่อน  เพราะเงื่อนไขต่าง ๆ ต้องรอฟังจากพรรคเพื่อไทย ส่วนตำแหน่งใน ครม. ก็ยังไม่ได้พูดคุยกัน  ขณะนี้ พรรคมีคดีที่อยู่ในศาลรัฐธรรมนูญ คือหุ้นไอทีวี และคดีล้มล้างการปกครองจากนโยบายแก้ ม.112 ทั้ง 2 คดี ไม่ได้มีการร้องให้ยุบพรรค แต่ประมาทไม่ได้ เพราะหลายปีที่ผ่านมา ประเทศไทยไม่ได้อยู่ในระบบนิติรัฐปกติ อีกทั้งศาลรัฐธรรมนูญถูกตั้งคำถามถึงหลักเกณฑ์ทางกฎหมายและเป็นเครื่องมือทางการเมืองหรือไม่



 



 



#โหวตนายกรอบสาม



#เพื่อไทย



#ก้าวไกล



#จัดตั้งรัฐบาล



 

ข่าวทั้งหมด

X