*้เนปาลขอบคุณชาวไทยที่ให้ความช่วยเหลืออย่างรวดเร็ว/นายกฯเปิดประชุมเอกอัครราชทูต/สปช.เดินสายชี้แจงร่างรธน.*

29 เมษายน 2558, 08:56น.


จากแผ่นดินไหวรุนแรงระดับ 7.8 ในเนปาล เมื่อวานนี้ นายนรชิต สิงหเสนี ปลัดกระทรวงการต่างประเทศ เป็นตัวแทนมอบเงินบริจาคของรัฐบาลไทย 2 แสนเหรียญสหรัฐ หรือราว 6 ล้านบาท ให้กับรัฐบาลเนปาล ผ่านนายขคนาถ อธิการี เอกอัครราชทูตเนปาลประจำประเทศไทย โดยเอกอัครราชทูตเนปาลได้ขอบคุณทางการรวมถึงประชาชนไทย ที่ให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยแผ่นดินไหวด้วยความรวดเร็ว ทั้งยังมีผู้ที่นำเงิน สิ่งของ และอาสาสมัครไปให้ความช่วยเหลือที่เนปาลโดยตรง จึงรู้สึกซาบซึ้งและเป็นเกียรติต่อมิตรภาพที่ชาวไทยมอบให้



สำหรับสิ่งของจำเป็นเร่งด่วนที่รัฐบาลเนปาลต้องการ คือของใช้พื้นฐาน ได้แก่ ที่พักชั่วคราว ยารักษาโรค ผ้าห่ม เวชภัณฑ์ และน้ำดื่ม โดยหากมีผู้ประสงค์บริจาคเงินเพิ่มเติมให้กับทางสถานทูตสามารถเดินทางมามอบให้ได้โดยตรงที่สถานทูต หรือโอนเงินผ่านบัญชีกระแสรายวัน ธนาคารกรุงเทพ เลขที่ 9313500234 ชื่อบัญชี Nepal Earthquake Relief Fund และบัญชีกระแสรายวันธนาคารไทยพาณิชย์ เลขที่ 0713017184 ชื่อบัญชี Nepal Earthquake Relief Fund โดยสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่เว็บไซต์ http://www.nepalembassybangkok.com หรือเฟซบุ๊กของทางสถานทูต "The Embassy of Nepal in Bangkok"



ส่วนสถานเอกอัครราชทูตไทยที่กรุงกาฐมาณฑุเปิดเผยว่า ขณะนี้มีคนไทยที่พักอยู่ในสถานทูต 45 คน และมีผู้ที่ต้องการเดินทางกลับเพิ่มเติมอีก



ซึ่งทางพล.อ.อ.ประจิน จั่นตอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผยว่า การจัดส่งเจ้าหน้าที่และความช่วยเหลือจากกระทรวงต่างๆ ไปกับเครื่องบินของกองทัพอากาศเมื่อวานนี้ จะรับคนกลับมาด้วย ส่วนปัญหาการบริหารจัดการการจราจรทางอากาศที่สนามบินตรีภูวัน เมื่อวันที่ 27 เมษายนที่ผ่านมานั้น เกิดจากปัญหาการจราจรคับคั่งจนทำให้เที่ยวบินจากไทยไม่สามารถขึ้นลงได้ ซึ่งเป็นเรื่องปกติของสนามบินเมื่อเกิดความวุ่นวาย



ทั้งนี้  พล.อ.อ.มณฑล สัชฌุกร โฆษกกองทัพอากาศ กล่าวว่า เครื่องบินลำเลียง ซี 130 ของกองทัพอากาศมีภารกิจเบื้องต้นคือการส่งกำลังพล ยุทโธปกรณ์ และสิ่งของช่วยเหลือผู้ประสบภัย ซึ่งจะบินกลับทันที แต่หากมีคนไทยที่อยู่ในประเทศเนปาล มีความประสงค์จะเดินทางกลับไทย พร้อมกับเครื่องบิน ทางกองทัพอากาศในฐานะผู้ทำการบินก็มีความยินดี โดยเครื่องบินลำเลียงที่ไปส่งกำลังพลเมื่อวานนี้ รับคนไทย 70 คน เดินทางกลับมาถึงประเทศไทยแล้วเมื่อคืนนี้



ด้านบริษัท วิทยุการบินแห่งประเทศไทย จำกัด (บวท.) ชี้แจงว่า เที่ยวบินที่เดินทางไปสนามบินตรีภูวัน กรุงกาฐมาณฑุ ประเทศเนปาล ซึ่งได้แก่เที่ยวบินพิเศษของกองทัพอากาศ รวมถึง สายการบินไทย ที่ไม่สามารถบินลงจอดที่เนปาลได้ เมื่อวันที่ 27 เมษายนที่ผ่านมา กับ เที่ยวบินปกติของสายการบินไทย นั้น ขณะนี้ทั้ง 3 เที่ยวบินสามารถลงจอดที่เนปาลได้ตามปกติแล้ว



ขณะที่ พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) เตือนประชาชนให้ระมัดระวังกลุ่มมิจฉาชีพ หลอกลวงให้โอนเงินช่วยเหลือผู้ประสบภัยจากเหตุแผ่นดินไหว จึงแนะนำให้ร่วมบริจาคโดยตรงกับรัฐบาลหรือองค์กรที่น่าเชื่อถือ และควรตรวจสอบโดยตรงกับหน่วยงานที่รับบริจาคด้วย และหากบุคคลใดตกเป็นเหยื่อของกลุ่มมิจฉาชีพ สามารถแจ้งตำรวจได้ทันที ทั้งนี้ จะมอบหมายให้กองบังคับการปราบปราม (บก.ป.) เข้าไปดำเนินคดี



เช้าวันนี้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เปิดประชุมเอกอัครราชทูตและกงสุลใหญ่ทั่วโลก ที่กระทรวงการต่างประเทศ พร้อมชี้เจงโรดแมปแนวทางการคืนประชาธิปไตย



โดยเมื่อวานนี้ พล.อ.ประยุทธ์ เปิดเผยว่า จะมีการหารือคณะรัฐมนตรี (ครม.) และคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เกี่ยวกับร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ เพื่อสรุปเป็นรายมาตราว่าจะแก้ไขหรือไม่ โดย ครม.กับคสช.ไม่จำเป็นจะต้องมีข้อคิดเห็นที่เหมือนกัน ทั้งต้องยึดประชาชนเป็นศูนย์กลาง ตลอดจนต้องให้เกียรติและให้ความเป็นธรรมกับ กมธ.ยกร่างฯ ด้วย



ทั้งนี้ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ขอให้ทุกกระทรวงพิจารณารายละเอียดเกี่ยวกับร่างรัฐธรรมนูญที่ กมธ.ยกร่างรัฐธรรมนูญส่งมาให้ ว่ามีจุดใดบ้างที่จะทำให้การบริหารงานมีปัญหาหรือต้องการให้เพิ่มเติมเรื่องใดเพื่อให้การบริหารของกระทรวงเป็นไปด้วยความเรียบร้อย โดยให้ส่งความคิดเห็นให้นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ภายในวันที่ 14 พฤษภาคมนี้ เพื่อที่จะนำไปหารือร่วมกันในการประชุม ครม.-คสช. ในวันที่ 19 พฤษภาคมนี้ต่อไป



ในช่วงบ่าย พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการแก้ไขปัญหาการบุกรุกที่ดิน ที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและ สิ่งแวดล้อม



ส่วน นายบวรศักดิ์ อุวรรณโณ ประธานกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญ จะบรรยายเกี่ยวกับแนวทางของรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ที่โรงแรมเซ็นทรา ศูนย์ราชการ แจ้งวัฒนะโดยเมื่อวานนี้ นายบวรศักดิ์ ไปปาฐกถาพิเศษ เรื่อง "รัฐธรรมนูญใหม่กับการกระจายอำนาจ" ให้กับกลุ่มนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.)  โดยชี้แจงว่า ขณะนี้กมธ.ยกร่างฯ จัดทำร่างแรกสำเร็จแล้วและจะต้องมีการแก้ไขเพิ่มเติมต่อไป ส่วนร่างสุดท้ายที่แก้ไขไม่ได้คือร่างที่ต้องเสร็จภายวันที่ 23 กรกฎาคม ซึ่งสภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) จะลงมติในวาระ 3 ว่าจะรับหรือไม่ในวันที่ 6 สิงหาคม หากไม่รับก็ต้องเริ่มต้นกันใหม่ คือตั้ง สปช.และ กมธ.ยกร่างฯใหม่ทั้งหมด ส่วนคณะรักษาความแห่งชาติ (คสช.) และคณะรัฐมนตรี (ครม.) จะอยู่ต่อไปอีก 1 ปี แต่ถ้า สปช.ลงมติรับร่างรัฐธรรมนูญก็ต้องนำขึ้นทูลเกล้าฯ ภายในวันที่ 4 กันยายน หากไม่ทำประชามติการเลือกตั้งก็จะเกิดขึ้นประมาณปลายเดือนกุมภาพันธ์ หรือต้นเดือนมีนาคม ปีหน้า



ด้านพล.อ.เลิศรัตน์ รัตนวานิช โฆษก กมธ. ยกร่างรัฐธรรมนูญ เปิดเผยว่า จะเปิดให้สมาชิก สปช.ได้ยื่นญัตติขอแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญต่อ กมธ.ยกร่างฯ เป็นระยะเวลา 30 วันโดยระหว่างนี้ กมธ.ยกร่างจะงดการประชุมเพื่อให้ลงพื้นที่รับฟังความเห็นและเผยแพร่เนื้อหาสาระสำคัญของร่างรัฐธรรมนูญ 12 เวทีทั่วประเทศ โดยจะนัดประชุมอีกครั้งในวันที่ 29-31 พฤษภาคม หลังจากที่ได้รับคำขอแก้ไขเพิ่มรัฐธรรมนูญอย่างเป็นลายลักษณ์อักษรจากสมาชิก สปช.จากนั้นในวันที่ 1-5 มิถุนายนจะเชิญสมาชิกที่เสนอขอแก้ไขเพิ่มเติมมาชี้แจงหลักการและเหตุผลในการขอเสนอแก้ไขเพิ่มเติมต่อ กมธ.ยกร่างฯ ส่วนวันที่ 6 มิถุนายน จะเปิดโอกาสให้พรรคการเมืองได้เข้ามาชี้แจงการแก้ไขเพิ่มเติมเช่นเดียวกัน



*-*

ข่าวทั้งหมด

X