นายวิชัย ไชยมงคล เลขาธิการ ป.ป.ส. เปิดเผยผลความร่วมมือในโครงการด้านปราบปรามและสกัดกั้นยาเสพติดที่ท่าอากาศยาน (Airport Interdiction Task Force : AITF) และท่าเรือนานาชาติ (Seaport Interdiction Task Force : SITF) ระหว่างกรมศุลกากร กองบัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด ศูนย์รักษาความปลอดภัย และ สำนักงาน ป.ป.ส. โดยเจ้าหน้าที่ได้เฝ้าระวังการลักลอบลำเลียงยาเสพติดในพัสดุระหว่างประเทศ จนสืบทราบว่า มีกลุ่มคนร้ายพยายามลักลอบส่งพัสดุซุกซ่อนยาเสพติดไปต่างประเทศ
เจ้าหน้าที่ชุดปฏิบัติการ AITF , SITF , ป.ป.ส. ร่วมกับเจ้าหน้าที่ของบริษัทตัวแทนรับ-ส่งสินค้าไปต่างประเทศ จึงร่วมกันตรวจสอบพัสดุต้องสงสัย ซึ่งสำแดงเป็นกล่องกระดาษ A3 สำหรับพิมพ์สี จำนวน 2 กล่อง ด้านข้างกล่องมีลักษณะนูนหนาผิดปกติ เมื่อเปิดตรวจอย่างละเอียด พบว่าภายในเป็นกระดาษฟรอยด์จำนวนกล่องละ 2 ห่อ และแต่ละห่อทำเป็นช่องลับซุกซ่อนเฮโรอีนอยู่ด้านใน รวมทั้งสิ้น 4 ห่อ น้ำหนักรวมสิ่งห่อหุ้มประมาณ 1.2 กิโลกรัม
จากการสืบสวนขยายผลทำให้ทราบข้อมูลผู้ส่งพัสดุดังกล่าวแล้ว โดยพบว่าพัสดุชิ้นนี้จะถูกส่งไปปลายทางไปยังประเทศออสเตรเลีย สำนักงาน ป.ป.ส. จึงได้ประสานงานกับตำรวจสหพันธรัฐออสเตรเลีย (Australian Federal Police : AFP) ประจำประเทศไทย เพื่อขยายผลถึงผู้เกี่ยวข้องในเครือข่ายนี้
เลขาธิการ ป.ป.ส. ระบุว่า คดีนี้แม้ว่าจะมีของกลางจำนวนไม่มาก แต่ก็ทำให้พบเบาะแสที่เชื่อได้ว่า มีเครือข่ายผู้เกี่ยวข้องรายสำคัญทั้งในประเทศไทย และ ออสเตรเลีย ซึ่งพยายามส่งเฮโรอีนไปกับพัสดุระหว่างประเทศทั้งทางอากาศยาน และทางเรือ
ทั้งนี้ ในปี พ.ศ.2566 ชุดปฏิบัติการ AITF และ SITF ร่วมกันตรวจยึดเฮโรอีนที่ซุกซ่อนในพัสดุภัณฑ์ สินค้า ทางอากาศยาน รวมทั้งการลักลอบส่งออกทางเรือเดินทะเลก่อนไปประเทศออสเตรเลีย รวมกันมากถึง 35 คดี ของกลางเป็นไอซ์ 973.4 กิโลกรัม และเฮโรอีน 70.7 กิโลกรัม ผลตรวจยึดจับกุมยาเสพติดจำนวนมากนี้ ขยายผลไปถึงตัวการนายทุนภายในประเทศไทยได้หลายราย ขณะเดียวกันทาง AFP ขยายผลทางการข่าวของสำนักงาน ป.ป.ส.ไปต่อยอดจนนำไปสู่การยึดทรัพย์สินได้เป็นจำนวนมาก ในประเทศออสเตรเลียอีกด้วย
#ยาเสพติด