หลังเกิดสงครามกลางเมืองในกรุงคาร์ทูม ซูดาน เมื่อทหาร 2 ฝ่ายของซูดานคือ กองทัพบก ภายใต้การนำของพล.อ. อับเดล ฟัตตาห์ อัล-บูร์ฮาน ผู้บัญชาการกองทัพซูดาน กับกองกำลังสนับสนุนเคลื่อนที่เร็ว(RSF) ภายใต้การนำของพล.อ. โมฮาเหม็ด ฮัมดัน ดากาโล หรือที่รู้จักในชื่อ เฮเมดติ สู้รบกันเพื่อแย่งชิงอำนาจในกองทัพมาตั้งแต่เดือนเมษายน มีคนเสียชีวิตหลายพันราย ขณะเดียวกัน ชาวบ้านหลายบ้านต้องละทิ้งถิ่นฐานเนื่องจากเหตุความไม่สงบในประเทศ
บีบีซีรายงานว่า นายโฟลเคอร์ เติร์ก ข้าหลวงใหญ่ด้านสิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติ(UNHCR)เสนอให้ทางการซูดานสั่งสอบสวน กรณีมีคนพบศพชาวซูดาน 87 ราย รวมถึงชนเผ่ามาซาลิต (Masalit)เสียชีวิตจากการโจมตีของกองกำลัง RSF และถูกฝังอยู่ในหลุมฝังศพหมู่แห่งหนึ่งในแถบชานเมืองเอล-เจไนนา(El-Geneina)ในภูมิภาคดาร์ฟูร์(Darfur)ทางภาคตะวันตกของซูดาน
นายเติร์ก กล่าวว่า เจ้าหน้าที่ซูดานพบศพ 37 รายถูกฝังในหลุมฝังศพหมู่แห่งหนึ่งในภูมิภาคดาร์ฟูร์เมื่อวันที่ 20 มิถุนายน ต่อมาเจ้าหน้าที่พบอีก 50 รายฝังรวมอยู่ในหลุมฝังศพเดียวกันในวันรุ่งขึ้นคือ 21 มิถุนายน เพิ่มเติมว่าผู้ตายรวมถึงหญิงและเด็กหลายราย แต่กองกำลัง RSF และกลุ่มติดอาวุธที่เป็นพันธมิตรปฏิเสธว่าพวกเขาไม่ได้สู้รบกับกองทัพบกในภูมิภาคดาร์ฟูร์ในระยะหลังๆมานี้
ก่อนหน้านี้ กองกำลัง RSF ปฏิเสธข้อหาจากองค์การสิทธิมนุษยชน ฮิวแมนไรตส์วอตช์ ที่ระบุว่า RSF สังหารสมาชิกชนเผ่ามาซาลิตเสียชีวิต 28 รายและมีชาวบ้านบาดเจ็บอีกหลายคน ก่อนทำลายเมือง มิสเตรี (Misterei)ในเดือนพฤษภาคม โดยนายมุสตาฟา โมฮัมเหม็ด อิบราฮิม ที่ปรึกษากองกำลัง RSF เปิดเผยกับบีบีซีว่า เกิดเหตุสู้รบระหว่างชนเผ่าอาหรับกับชนเผ่ามาซาลิต ซึ่งขัดแย้งกันมาก่อนและปะทุขึ้นอีกครั้ง สำหรับชนเผ่ามาซาลิตเคยอยู่ใต้การปกครองของสุลต่านในรัฐดาร์ฟูร์ตะวันตก (West Darfur)ก่อนผนวกรวมเข้ากับซูดานเมื่อกว่า 100 ปี
#พบหลุมศพหมู่ในซูดาน