*ไทยส่งความช่วยเหลือเนปาล/ครม.พิจารณาขอโอนสัมปทานปิโตรเลียม/นายกฯสั่งตรวจสอบหนี้สินครัวเรือน*

28 เมษายน 2558, 08:50น.


แพทย์ ทหาร และเจ้าหน้าที่กู้ภัยพร้อมด้วยสิ่งของบรรเทาทุกข์จากประเทศไทย ทยอยเดินทางออกจากประเทศไทย เพื่อไปให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยแผ่นดินไหวในเนปาล



พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม กล่าวว่ากองทัพบก กองทัพเรือ และกองทัพอากาศ จัดชุดแพทย์และอากาศยานเตรียมช่วยเหลือผู้ประสบภัย ส่วนสำนักงานตำรวจแห่งชาติช่วยเหลือและดูทางด้านนิติวิทยาศาสตร์ โดยกระทรวงการต่างประเทศจะประชุมในภาพรวมอีกครั้ง เพื่อหาทางว่าจะช่วยเหลืออย่างไรได้บ้าง



โดยในเช้าวันนี้ กองทัพไทยจัดกำลังพล 64 นาย พร้อมอุปกรณ์ช่วยชีวิตและเครื่องอุปโภคบริโภค ออกเดินทางด้วยเครื่องบิน ซี 130



ด้านพล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย กล่าวว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ สั่งการให้กระทรวงมหาดไทยรับความช่วยเหลือผ่านศูนย์ดำรงธรรม จึงสั่งการปลัดกระทรวงมหาดไทยดำเนินการ โดยสิ่งที่ต้องการรับความช่วยเหลือลำดับแรก คืออาหารสำเร็จรูปพร้อมรับประทาน น้ำดื่ม อุปกรณ์กันหนาว และเงิน โดยให้ศูนย์ดำรงธรรมทั่วประเทศเปิดรับความช่วยเหลือ แล้วส่งรวบรวมมายังส่วนกลาง เพื่อส่งไปยังเนปาลต่อไป



ส่วน พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ผบ.ตร. เปิดเผยว่าการจัดทีมแพทย์และพิสูจน์หลักฐานไปช่วยเหลือผู้ประสบภัยแผ่นดินไหว จะเป็นไปในรูปแบบเดียวกับแผ่นดินไหวที่อินโดนีเชียและนิวซีแลนด์ และมอบให้ พล.ต.ท.จิตเจริญ เวลาดี ผู้ช่วยผบ.ตร. เป็นหัวหน้าชุด



นายพนม ศรศิลป์ ผอ.สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ สั่งการไปยังสำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัดทั่วประเทศ เตือนเรื่องที่มีมิจฉาชีพแฝงตัวมาแอบอ้างรับบริจาค โดยในวันที่ 30 เมษายนนี้ จะมีการประชุมหารือในที่ประชุมมหาเถรสมาคมต่อไป



และในส่วนของกระทรวงการต่างประเทศ วันนี้จะมีการประชุมเอกอัครราชทูตไทย ซึ่งนายเสข วรรณเมธี โฆษกกระทรวงการต่างประเทศ เปิดเผยด้วยมีคนไทยในเนปาล 100 คน ซึ่งในจำนวนนี้ 60 คน อยู่ในเมืองหลวงและพำนักที่บ้านทำเนียบทูตที่กรุงกาฐมาณฑุ เพื่อรอให้สถานการณ์สงบ ซึ่งคนไทยที่พำนักในเนปาลยังไม่ประสงค์เดินทางกลับ



ด้านพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ซึ่งร่วมการประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียน ณ กรุงกัวลาลัมเปอร์ ประเทศมาเลเซีย ระหว่างผู้นำอาเซียนกับผู้แทนสภาที่ปรึกษาธุรกิจอาเซียน (ABAC) เพื่อรับฟังข้อเสนอแนะและแลกเปลี่ยนข้อคิดเห็นด้านการค้าและการลงทุนกับผู้นำภาคเอกชนของอาเซียน ซึ่งนายกรัฐมนตรีกล่าวในที่ประชุมว่าประเทศไทยส่งเสริมการอำนวยความสะดวกทางการค้า เช่น การเปิดเขตเศรษฐกิจพิเศษบริเวณชายแดน การปรับปรุงด่าน ลดขั้นตอนพิธีการ ศุลกากร และพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานต่างๆ ภายในประเทศ เพื่อรองรับการเชื่อมต่อกับประเทศเพื่อนบ้านในภูมิภาคอาเซียน และเสนอให้สภาที่ปรึกษาธุรกิจอาเซียนพิจารณาพัฒนาตราสินค้าอาเซียน(ASEAN Brand) ในสาขาผลิตภัณฑ์ที่อาเซียนมีความเข้มแข็ง เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้แก่ภาคธุรกิจและส่งเสริม ภาพลักษณ์ของอาเซียน ทั้งขอให้ภาคธุรกิจอาเซียนมีความมั่นใจว่ารัฐบาลไทย ยังคงยึดมั่นต่อพันธกรณีระหว่างประเทศ และให้ความสำคัญกับการเป็นประชาคมอาเซียน ตลอดจนการเชื่อมโยงเศรษฐกิจ การค้า ภายใต้ความตกลงการค้าเสรี ทั้งพหุภาคีและทวิภาคีต่อไป ให้โอกาสทุกประเทศในอาเซียนในฐานะที่เป็นครอบครัวเดียวกัน โดยไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง



ส่วนการประชุมคณะรัฐมนตรีที่ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธานในวันนี้มีวาระสำคัญ คือ กระทรวงพลังงานจะเสนอขอโอนสัมปทานปิโตรเลียมแปลงสำรวจบนบก ส่วนกระทรวงการคลังจะเสนอโครงการประกันภัยข้าวนาปี ปี2558



และในการพิจารณาร่างรัฐธรรมนูญ ในวันนี้ นายเสรี สุวรรณภานนท์ ประธาน กมธ.ปฏิรูปกฎหมายและกระบวนการยุติธรรม สภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) จะร่วมหารือกับคณะ กมธ.ปฏิรูปการเมือง ที่มีนายสมบัติ ธำรงธัญวงศ์ เป็นประธาน เพื่อพิจารณาคำขอแก้ไขเพิ่มเติมร่างรัฐธรรมนูญ ซึ่งมีความเห็นว่า ควรแก้ไขเกือบทั้งฉบับ เพราะมีเนื้อหาและรายละเอียดมากเกินไป



เมื่อวานนี้ นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธานเปิดสัมมนาเพื่อเสริมสร้างประสิทธิภาพการตรวจราชการ ประจำปีงบประมาณ 2558 ซึ่งในการทำงานตรวจสอบโครงการรับจำข้าวได้ผลน่าพอใจ ได้ข้อมูลที่นำไปสู่ตัวผู้กระทำผิด แต่งานในลำดับต่อไปที่นายกรัฐมนตรีมอบหมายก็คือ การตรวจสอบหนี้สินครัวเรือนและหนี้สินนอกระบบ ปัญหาแรงงานไร้ฝีมือ การค้ามนุษย์ การจัดการพื้นที่รองรับปัญหาผู้อพยพ การแก้ปัญหาชุมชนแออัด การกำจัดขยะ การป้องกันอัคคีภัย ปัญหาความปลอดภัยในการใช้รถใช้ถนน การเสริมประสิทธิภาพการทำงานแก่ผู้ว่าฯ และการอำนวยความสะดวกให้ประชาชน นอกจากนี้ยังขอให้ตรวจสอบรายชื่อข้าราชการที่หน่วยงานซึ่งทำหน้าที่ตรวจสอบส่งมาในอีกทางหนึ่งด้วย



ซึ่งทางพล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย กล่าวว่ากำลังมีการตรวจสอบและแบ่งแยกรายชื่อข้าราชการตามความผิดที่ทำ ซึ่งจะทำให้การพิจารณาทำได้ง่ายขึ้น ส่วนผู้กระทำความผิดในส่วนองค์กรปกครองท้องถิ่น แม้จะพ้นจากตำแหน่งไปแล้ว ก็ยังเอาผิดได้ตามกฎหมายท้องถิ่น



..

ข่าวทั้งหมด

X