สนช.รับทราบปัญหาขาดแคลนแหล่งน้ำ , ขาดแคลนแรงงานทั้งภาคการเกษตรและประมงของจันทบุรี

ในการรับฟังความคิดเห็นของประชาชน ในพื้นที่ภาคตะวันออก ที่จังหวัดตราด และจังหวัดจันทบุรี ของสมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ หรือ สนช. ซึ่งวันนี้เป็นวันที่ 3 ที่มีการเปิดรับฟังความเห็นที่ศาลากลางจังหวัดจันทบุรี ซึ่งนายสามารถ ลอยฟ้า ผู้ว่าราชการจังหวัดจันทบุรี รายงานว่าจันทบุรีมีพื้นที่ทั้งหมด 3,961,250 ไร่ มีเขตการปกครองแบ่งเป็น 10 อำเภอ 76 ตำบล ซึ่งเป็นพื้นที่ทางการเกษตรกว่า 2,185,465 ไร่ หรือร้อยละ 55.17 ของพื้นที่ทั้งหมด ซึ่งส่วนใหญ่จะปลูกผลไม้เพื่อส่งจำหน่ายทั้งใน และนอกประเทศ เช่น ทุเรียน ,เงาะ ,มังคุด ,ลำใย ทำให้ได้ชื่อว่าเป็นศูนย์กลางการผลิตผลไม้ขนาดใหญ่แห่งหนึ่งของประเทศ มียอดการส่งออกปีหนึ่งกว่า 25,000 ล้านบาท  แต่จากสภาพอากาศที่มีปริมาณำฝนตกเกือบตลอดทั้งปี คือประมาณ 6,600,000 ลูกบาศก์เมตร แต่ในบางปีก็ยังมีน้ำไม่เพียงพอจนถึงหน้าแล้ง เพราะอ่างเก็บน้ำที่มีอยู่สามารถเก็กเก็บน้ำได้เพียง 500,000 ลูกบาศก์เมตรเท่านั้น จึงเรียกร้องให้มีการเร่งแก้ไขปัญหา โดยในเวลานี้ มีการวางโครงการสร้างอ่างเก็บน้ำในพื้นที่ป่าอนุรักษ์แล้ว แต่ยังติดที่ขั้นตอนการพิจารณาศึกษา ที่มีหลายขั้นตอนจึงขอให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งดำเนินการ หรือลดขั้นตอนเพื่อแก้ไขปัญหาอย่างเร่งด่วน

ส่วนปัญหาการขาดแคลนแรงงานต่างด้าวในภาคการเกษตร และประมงขณะนี้ นอกจากการแก้ไขปัญหาอย่างเร่งด่วนแล้ว ยังต้องการให้มีการแก้ไขปัญหาได้อย่างยั่งยืนเช่นกัน 

ด้านพล.อ.สิงห์ศึก สิงห์ไหร ประธานกรรมาธิการการพาณิชย์ การอุตสาหกรรม และการแรงงาน กล่าวถึงการแก้ไขปัญหาเรื่องการขาดแคลนแรงงานต่างด้าวของจังหวัดจันทบุรีว่า จะต้องมีการตรวจสอบว่าในภาคแรงงานประเภทใด ขาดแรงงานเท่าไหร่ เพื่อจะได้มีการติดต่อกับประเทศเพื่อนบ้านหรือประเทศที่พร้อมที่จะช่วยจัดหาแรงงานมาสนับสนุนให้ตรงประเภทงาน เพื่อไม่ให้เกิดปัญหาแรงงานล้นเกินความจำเป็น ซึ่งในวันที่ 29 เมษายนนี้ จะไปหารือกับพล.อ.สุรศักดิ์ กาญจนรัตน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงานเพื่อหามาตรการแก้ไขปัญหาต่อไป

ขณะที่นายกิตติศักดิ์ รัตนวราหะ สมาชิก สนช. ระบุถึงการแก้ไขปัญหาการขาดน้ำในด้านการเกษตร ของจังหวัดจันทบุรีในช่วงหน้าแล้งว่า ในช่วงเดือนพฤษภาคมนี้ ทางกรรมาธิการของ สนช. จะหารือกับกรมป่าไม้ ,กรมอุทยานแห่งชาติ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง แต่หากการพูดคุยไม่ได้ข้อสรุป ก็อาจจะร้องขอให้มีการใช้อำนาจมาตรา 44 มาดำเนินแก้ไขก็เป็นได้

และในภายหลังการรับฟังปัญหาเสร็จสิ้น นายพีระศักดิ์ รองประธาน สนช.คนที่ 2 ระบุว่า การมารับฟังความคิดเห็นของประชาชนในครั้งนี้ ที่จังหวัดตราด และจันทบุรี ซึ่งเป็นครั้งที่ 4 ทำให้ได้รับทราบปัญหา ต่างๆที่ประชาชนอยากให้หน่วยงานรัฐเข้าไปแก้ไข ทั้งเรื่องการขาดแคลนแรงงาน ความต้องการให้ส่งเสริมทางด้านการเกษตรอย่างครบวงจร  ซึ่งหลังจากนี้ก็จะให้ กรรมาธิการ ของ สนช. ที่เกี่ยวข้องนำเรื่องนี้ไปหารือ กับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อหาวิธีแก้ไขปัญหา ก่อนนำผลการหารือ หรือแนวทางการแก้ไขปัญหากลับมาแจ้งให้หน่วยงาน และประชาชนในพื้นที่รับทราบต่อไป

 

...ผสข.วิรวินท์ ศรีโหมด