ธปท. จะหารือ รัฐบาลใหม่ เพิ่มจำนวนธนาคาร แก้ปัญหาดอกเบี้ย

03 กรกฎาคม 2566, 15:39น.


        ข้อเสนอของพรรคการเมือง ที่ให้มีการเพิ่มจำนวนธนาคารเพื่อให้เกิดการแข่งขัน และเป็นประโยชน์กับลูกหนี้ในเรื่องดอกเบี้ย นางสาวสุวรรณี เจษฎาศักดิ์ ผู้ช่วยผู้ว่าการ สายกำกับสถาบันการเงิน ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยว่า การเพิ่มจำนวนธนาคารจะเห็นความชัดเจนหลังจากที่มีการจัดตั้งทีมเศรษฐกิจของรัฐบาลชุดใหม่เรียบร้อยแล้ว ธปท.จะเข้าไปหารือกับรัฐบาลชุดใหม่ ซึ่งทั้งหมดต้องเอาข้อมูลมาพิจารณา โดยแนวนโยบายการเพิ่มจำนวนของธนาคาร ซึ่งธปท. ได้ดำเนินการเรื่องธนาคารไร้สาขา (Virtual Bank) โดยเปิดรับฟังความเห็นแล้วในรอบสอง ซึ่งเรื่องนี้ต้องค่อย ๆ ทำ



          สำหรับสถานการณ์หนี้ครัวเรือนในปัจจุบัน หลังปรับข้อมูลใหม่ในไตรมาส 1/2566 เพิ่มเป็นร้อยละ  90.6 ของจีดีพี ในจำนวนนี้ร้อยละ 73 อยู่ภายใต้การกำกับดูแลของ ธปท. โดยแบ่งเป็นสินเชื่อบ้านร้อยละ 34 สินเชื่อรถยนต์ร้อยละ 11 สินเชื่อบัตรเครดิตและส่วนบุคคลร้อยละ 27 และ อื่น ๆ เช่น กองทุนให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา (กยศ.)ร้อยละ 28



          ส่วนของหนี้ที่ค้างชำระเกิน 90 วัน จากผลกระทบของโควิด-19 (ลูกหนี้รหัส 21) นับจากวันที่ 1 ม.ค.2563 เริ่มปรับลดลงจากจุดสูงสุดในเดือน ต.ค.2565 จาก 4.7 ล้านบัญชี เหลือ 4.4 ล้านบัญชี ยอดหนี้ 4.1 แสนล้านบาท เหลือ 3.1 แสนล้าน  โดยพบว่า ลูกหนี้ของธนาคารรัฐ มีความเปราะบางมากกว่าธนาคารพาณิชย์ การออกหลักเกณฑ์ในการดูแลต้องได้รับความเห็นชอบจากกระทรวงการคลัง ซึ่งบางมาตรการทำได้ เช่น พักหนี้ ก็ทำเฉพาะจุดบางสถานการณ์ เช่น น้ำท่วม แต่ถ้าพักหนี้ยกพอร์ต ก็อาจจะเป็นการบวมหนี้ขึ้นมาในอนาคต  ซึ่ง ธปท.ก็ได้มีการส่งทีมเข้าไปช่วยแยกกลุ่มลูกหนี้ โดยหนี้ค้างชำระที่ลดลง ก็มาจากการปรับโครงสร้างหนี้ของธนาคารรัฐ แม้ว่าในระยะต่อไปแนวโน้มหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPL) อาจทยอยปรับขึ้นบ้าง จากกลุ่มเปราะบางที่รายได้น้อย หรือกลุ่มที่รายได้ยังไม่ฟื้นตัว



          นอกจากนี้ลูกหนี้บัตรเครดิตและสินเชื่อส่วนบุคคลที่ไม่มีหลักประกันและเป็นหนี้เสียค้างชำระเกินกว่า 120 วัน สามารถเข้าร่วมคลินิกแก้หนี้ เพื่อปรับโครงสร้างหนี้ให้ภาระรายเดือนอยู่ในระดับที่สามารถชำระคืนได้ โดย ธปท.จะเร่งออกแนวทางแก้ปัญหาหนี้ครัวเรือนอย่างยั่งยืน ซึ่งต้องทำครบวงจร ถูกหลัก และร่วมมือกับทุกภาคส่วน โดยแนวทางดังกล่าวจะครอบคลุมตลอดวงจรหนี้ คือ ตั้งแต่ก่อหนี้ใหม่ที่มีคุณภาพ การดูแลหนี้เดิมโดยเฉพาะ NPL และหนี้เรื้อรัง รวมถึงช่วยให้ประชาชนเข้าถึงสินเชื่อในระบบ



          ธปท.ติดตามสถานการณ์หนี้ครัวเรือนอย่างใกล้ชิด และผลักดันการดำเนินการตามมาตรการแก้หนี้ระยะยาวกับเจ้าหนี้อย่างต่อเนื่องทุกเดือน เพื่อให้เจ้าหนี้ให้ความช่วยเหลือลูกหนี้ให้กลับมาฟื้นตัวได้ สำหรับหนี้ที่ต้องเร่งแก้ไข ประกอบด้วย 4 ด้าน คือ 1.หนี้เสียที่มีอยู่ในปัจจุบัน 2.หนี้ที่เป็นปัญหาเรื้อรัง ยังไม่เป็นหนี้เสียแต่ปิดจบไม่ได้ 3.หนี้ใหม่ที่เพิ่มขึ้นเร็วและอาจเป็นหนี้เสีย หรือ เรื้อรังในอนาคต และ 4.หนี้นอกระบบ



 



 



#ธนาคารแห่งประเทศไทย



#เพิ่มจำนวนธนาคาร



 

ข่าวทั้งหมด

X