บรรษัทกระจายเสียงเอ็นเอชเคและสำนักข่าวเกียวโดของญี่ปุ่น รายงานว่า ผลสำรวจความมั่นใจทางธุรกิจ ซึ่งธนาคารกลางญี่ปุ่น(บีโอเจ)สำรวจความเห็นของผู้ประกอบการโรงงานอุตสาหกรรม 9,147 แห่ง ระหว่างวันที่ 29 พฤษภาคมจนถึงสิ้นเดือนมิถุนายน แสดงให้เห็นว่า ดัชนีชี้วัดความมั่นใจของผู้ประกอบการญี่ปุ่นในช่วงไตรมาสที่ 2 ของปีนี้อยู่ที่ระดับ 5+ เพิ่มขึ้น 4 จุดจาก 1+ ในการสำรวจครั้งก่อนเมื่อเดือนมีนาคม นับเป็นครั้งแรกในรอบ 7 ไตรมาส ที่ภาคธุรกิจญี่ปุ่นเริ่มมีความมั่นใจทางธุรกิจดีขึ้น
ตัวเลขเชิงบวกเช่นนี้ แสดงให้เห็นว่า บริษัทเอกชนส่วนใหญ่ของญี่ปุ่นมีทัศนะเชิงบวกในการประกอบธุรกิจมากกว่าบริษัทที่มีทัศนะในเชิงลบ โดยเฉพาะการผลิตรถยนต์เริ่มฟื้นตัวขึ้น ขณะเดียวกัน ปัญหาขาดแคลนเซมิคอนดักเตอร์และชิ้นส่วนอะไหล่อื่นๆเริ่มลดลง เป็นเหตุผลสำคัญที่ทำให้ภาคธุรกิจเอกชนของญี่ปุ่นมีความมั่นใจทางธุรกิจดีขึ้น และมีผลกำไรดีขึ้นด้วย นอกจากนี้ บริษัทส่วนใหญ่ปรับราคาสินค้า สอดคล้องกับราคาวัตถุดิบที่มีราคาแพงขึ้น และการปรับค่าจ้างเนื่องจากมีปัญหาขาดแคลนแรงงาน
ขณะเดียวกัน ความมั่นใจของภาคธุรกิจประเภทบริการ เช่น การโรงแรมและการท่องเที่ยวของญี่ปุ่นในช่วงไตรมาสที่ 2 ของปีนี้ดีขึ้นเช่นเดียวกัน คือ อยู่ที่ระดับ 23+ เพิ่มขึ้น 3 จุด จาก 20+ ในการสำรวจครั้งก่อนเมื่อเดือนมีนาคม เป็นแนวโน้มที่ดีขึ้นเป็นไตรมาสที่ 5 ติดต่อกัน อีกทั้งเป็นการเพิ่มขึ้นสูงที่สุดนับแต่เดือนมิถุนายน 2562 หรือก่อนการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ตัวเลขที่ดีขึ้นสะท้อนให้เห็นว่า นักท่องเที่ยวต่างชาติจำนวนมากเริ่มกลับไปท่องเที่ยวในญี่ปุ่นอีกครั้ง ทำให้ธุรกิจโรงแรมและร้านอาหารของญี่ปุ่นเริ่มฟื้นตัวอีกครั้ง
บริษัทในทุกกลุ่ม รวมถึงบริษัทขนาดเล็กและขนาดกลาง วางแผนจะเพิ่มการลงทุนสูงร้อยละ 11.8 เมื่อเทียบจากปีก่อน พร้อมคาดว่า เงินเฟ้อของญี่ปุ่น จะอยู่ที่ร้อยละ 2.6 ในปีนี้ สูงเกินเป้าของบีโอเจ คือ ร้อยละ 2 ส่วนประเด็นอื่นๆที่ภาคธุรกิจของญี่ปุ่นรู้สึกกังวล เช่น การชะลอตัวของเศรษฐกิจโลก และการที่ธนาคารกลางสหรัฐฯและยุโรปปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอย่างต่อเนื่อง
#ธนาคารกลางญี่ปุ่น
#ผลสำรวจความมั่นใจทางธุรกิจ