เช้านี้ ‘พลายศักดิ์สุรินทร์’ สดชื่นขึ้น กินอาหารได้มาก ทีมสัตวแพทย์เตรียมตรวจร่างกาย

          นายสุรัตน์ชัย อินทร์วิเศษ ผู้อำนวยการสถาบันคชบาลแห่งชาติ ในพระอุปถัมภ์ฯ (ศูนย์อนุรักษ์ช้างไทย) องค์การอุตสาหกรรมป่าไม้ (อ.อ.ป.) เปิดเผยว่า เช้าวันนี้ (3 ก.ค.66) พลายศักดิ์สุรินทร์ สดชื่นขึ้น บรรเทาความอ่อนเพลียจากการเดินทาง กินอาหารได้มาก  โดยในวันนี้ ทีมสัตวแพทย์จะตรวจร่างกายพลายศักดิ์สุรินทร์อย่างละเอียด เพื่อพิจารณาว่า จะต้องรักษาอาการเจ็บป่วยอย่างไร ทั้งฝีที่สะโพกทั้ง 2 ข้าง และอาการขาหน้าด้านซ้ายที่งอไม่ได้ ซึ่งเมื่อวานนี้ สัตวแพทย์ได้เก็บตัวอย่างเลือด สิ่งคัดหลั่งภายในงวงและอุจจาระ ส่งไปตรวจทางห้องปฏิบัติการแล้ว กำลังรอผลเพื่อวางแผนการรักษาต่อไป

          ระหว่างนี้ จะให้พลายศักดิ์สุรินทร์ได้พักผ่อนหลังจากการเดินทางและใช้เวลาฟื้นฟูสุขภาพ รวมทั้งปรับตัวกับสภาพแวดล้อมที่จากไปนานถึง 22 ปี เพื่อสร้างความคุ้นเคยกับควาญช้างไทยและภาษาไทย โดยประชาชนที่อยากติดตามอาการพลายศักดิ์สุรินทร์ ขอให้ติดตามได้จากมอนิเตอร์ที่ถ่ายทอดภาพจากกล้องวงจรปิดซึ่งติดตั้งไว้ที่อาคารกัลยาณิวัฒนาการุณย์  ศูนย์อนุรักษ์ช้างไทย  สำหรับการติดตามอาการพลายศักดิ์สุรินทร์ สถาบันคชบาลฯ ได้ติดตั้งกล้องวงจรปิด หรือชมการถ่ายทอดสดที่เพจเฟซบุ๊ก ศูนย์อนุรักษ์ช้างไทย จ.ลำปาง The Thai Elephant Conservation Center Lampang   ซึ่งวันนี้ จะมีการถ่ายทอดสดให้ชมความคืบหน้าของพลายศักดิ์สุรินทร์ ในช่วง 14.00 น.

          โดยระหว่างนี้ พลายศักดิ์สุรินทร์ จะต้องอยู่สถานกักกันสัตว์ตามระเบียบการควบคุมโรคระบาดสัตว์ของกรมปศุสัตว์ เป็นเวลา 30 วัน เมื่อได้รับการดูแลรักษาจนมีสุขภาพแข็งแรงดีแล้ว จึงจะเปิดให้ประชาชนเข้าเยี่ยมได้ซึ่งจะแจ้งกำหนดเวลาอีกครั้ง

          ขณะที่ ควาญช้าง เปิดเผยว่า หลังจากเข้ามาอยู่ที่ศูนย์อนุรักษ์ช้างไทย พลายศักดิ์สุรินทร์ อารมณ์ดีกว่าตอนอยู่ที่ศรีลังกา กินอิ่มนอนหลับปกติ  เช้านี้อารมณ์ดี และส่งเสียงร้องขออาหารเป็นระยะทุก 5-10 นาที เช่น หญ้าเนเปียร์ หยวกกล้วย อ้อย โดยมีควาญช้างทั้งไทยและศรีลังกาดูแลอย่างใกล้ชิด ซึ่งจุดที่ทำคอกยืนรักษาให้กับช้าง ค่อนข้างร่มรื่นมีต้นไม้ขนาดใหญ่ล้อมรอบ เจ้าหน้าที่นำรั้วไม้ไผ่ตีเป็นแนวยาวและมีเส้นกั้นจุดพื้นที่ของพลายศักดิ์สุรินทร์  แต่มีลานกว้างและพื้นที่ให้เดินออกกำลังกายด้วย

#พลายศักดิ์สุรินทร์

#ศูนย์อนุรักษ์ช้างไทย

CR ขอบคุณภาพ เพจเฟซบุ๊ก กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช