นายสักกะภพ พันธ์ยานุกูล ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายเศรษฐกิจมหภาค ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยว่า ธปท.ได้ปรับปรุงสถิติเงินให้กู้ยืมแก่ภาคครัวเรือน (หนี้ครัวเรือน) ให้ครอบคลุมมากขึ้น โดยความครอบคลุมที่เพิ่มขึ้นมาจากผู้ให้กู้ 4 กลุ่ม
นายสักกะภพกล่าวว่า ยอดหนี้แต่ละกลุ่ม ณ ไตรมาส 1 ปี 2566 ประกอบด้วยหนี้เพื่อการศึกษา (กยศ.) 4.83 แสนล้านบาท กลุ่มสหกรณ์อื่นๆ (ที่ไม่ใช่สหกรณ์ออมทรัพ์ย) 265 แสนล้านบาท การเคหะแห่งชาติ 1.1 หมื่นล้านบาท และพิโกไฟแนนซ์ 6 พันล้านบาท ซึ่ง ธปท.มีข้อมูลของกลุ่มผู้ให้กู้เหล่านี้ตั้งแต่ปี 2555 จึงปรับข้อมูลย้อนหลังไปถึงไตรมาส 1 ปี 2555
สำหรับยอดหนี้ที่เพิ่มขึ้นจากชุดข้อมูลที่ปรับปรุงใหม่นี้เป็นหนี้ที่มีอยู่แล้ว ไม่ใช่หนี้ที่เพิ่งเกิดใหม่ ณ ไตรมาส 1 ปี 2566 มียอดหนี้เครัวเรือนพิ่มขึ้นทั้งสิ้น 7.66 แสนล้านบาท ส่วนใหญ่เป็นหนี้เพื่อการศึกษา 4.85 แสนล้านบาท และหนี้เพื่อการประกอบอาชีพ 1.83 แสนล้านบาท ส่งผลให้หนี้ครัวเรือนหลังปรับปรุงมียอดคงค้าง 15.96 ล้านล้านบาท คิดเป็น 90.6% ต่อจีดีพี เพิ่มขึ้นจากข้อมูลก่อนปรับปรุง 4.3% ต่อจีดีพี นอกจากนี้ โครงสร้างสัดส่วนที่จําแนกตามวัตถุประสงค์การกู้ยืมไม่แตกต่างจากข้อมูลก่อนปรับปรุงทั้งนี้
การปรับปรุงข้อมูลหนี้ครัวเรือนดังกล่าวให้มีความครบถ้วนมากขึ้น โดยประเมินแล้วจากข้อมูลใหม่ มีความน่าเชื่อถือของวิธีการจัดเก็บและประมวลผล มีคุณภาพ อธิบายการเปลี่ยนแปลงทางสังคมเศรษฐกิจได้ มีความถี่ของการจัดเก็บและเปิดเผยข้อมูลที่สม่ำเสมอ และไม่ล่าช้าเกินไป
#ปรับสูตรหนี้ครัวเรือน
#ธนาคารแห่งประเทศไทย