สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานอ้างอิงแหล่งข่าววงใน ระบุว่า แอสปาร์แตม (Aspartame) ที่ถูกนำมาใช้ในผลิตภัณฑ์อาหารและเครื่องดื่มมากมาย กำลังจะถูกบรรจุเข้าในรายการ “สารที่อาจก่อมะเร็งในมนุษย์” ของ องค์กรระหว่างประเทศเพื่อการวิจัยโรคมะเร็ง หรือ IARC ซึ่งเป็นหน่วยงานในสังกัด องค์การอนามัยโลก (WHO) เป็นครั้งแรกในเดือนกรกฎาคมนี้
โดยการตัดสินของ IARC ที่เสร็จสิ้นเมื่อต้นเดือนมิถุนายน มีเป้าหมายในการประเมินอันตรายของสิ่งต่าง ๆ บนพื้นฐานของรายงานการศึกษาวิจัยที่ได้รับการเผยแพร่ออกมา ซึ่งไม่ได้ระบุถึงปริมาณการบริโภคสารแอสปาร์แตมที่ปลอดภัยต่อผู้บริโภค
ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา มีการศึกษาวิจัยเกี่ยวกับสารแอสปาร์แตมออกมามากมาย เช่นเมื่อปีที่แล้ว (2565) มีการศึกษาในฝรั่งเศส ที่เก็บข้อมูลของผู้ใหญ่ 100,000 คน พบว่า ผู้ที่บริโภคสารให้ความหวานแทนน้ำตาลในบริมาณมาก ซึ่งรวมถึงแอสปาร์แตม มีความเสี่ยงต่อโรคมะเร็งมากกว่าผู้ที่บริโภคสารเหล่านี้ในปริมาณที่น้อยกว่า และก่อนหน้านี้ เคยมีการศึกษาในอิตาลีช่วงปี 2000 ที่ระบุว่า โรคมะเร็งที่พบในหนูทดลองมีส่วนเกี่ยวข้องกับสารแอสปาร์แตม
ข่าวอีกกระแสหนึ่งระบุว่า การบรรจุแอสปาร์แตมเป็นหนึ่งในสารที่อาจก่อให้เกิดมะเร็ง มีเป้าหมายเพื่อกระตุ้นให้เกิดการวิจัยมากขึ้น เพื่อช่วยให้หน่วยงานกำกับดูแล ผู้บริโภค และผู้ผลิต ได้ข้อสรุปที่ชัดเจนร่วมกันเพื่อประโยชน์แก่ผู้บริโภคในอนาคต
ทางด้าน ดร.อนันต์ จงแก้ววัฒนา ผู้อำนวยการกลุ่มวิจัยนวัตกรรมสุขภาพสัตว์และการจัดการ ไบโอเทค-สวทช โพสต์ข้อมูลผ่านทางFacebookส่วนตัวว่า ประเด็นเรื่องของการจัดสารให้ความหวานแทนน้ำตาล (Aspartame) ที่พบในน้ำอัดลม Diet ว่าเป็นสารที่อาจก่อมะเร็ง กำลังจะเป็นเรื่องถกเถียงในวงการวิทยาศาสตร์แน่นอน ทั้ง 2 ฟากของความเห็น ทั้งเห็นพ้องและเห็นแย้งต่างมีข้อมูลวิชาการ เป็นการถกเถียงกันด้วยข้อมูลซึ่งแน่นอนผลสรุปที่ได้ออกมาย่อมมีผลกระทบ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในมุมของผู้ผลิต และ ผู้บริโภค
หน่วยงานของ WHO ที่ทำหน้าที่จัดสารเข้าข่ายก่อมะเร็งชื่อว่า International Agency for Research on Cancer (IARC) จะจัดสารดังกล่าวออกมาเป็น 4 ระดับคือ
3: No evidence it causes cancer
2b: Possibly (some evidence, usually slim) it causes cancer
2a: Probably (some evidence, a bit more robust) it causes cancer
1: Causes cancer (strong evidence)
โดยสารให้ความหวานอยู่ในระดับ 2b คือ อาจจะเป็นสารก่อมะเร็งแต่ข้อมูลรองรับยังมีอยู่ไม่มาก โดยตัวอย่างของสารที่ IARC จัดให้อยู่ category 2b เช่น
- Coconut oil soaps (สบู่น้ำมันมะพร้าว)
- Nickel (โลหะนิเกิล)
- Sassafras oil (น้ำมันหอมระเหยชนิดนึง)
- Aloe vera (ว่านหางจระเข้)
- Bracken fern (เฟิร์นกูดเกี๊ยะ)
- Pickled vegetables (ผักดอง)
-Talcum powder (แป้งทัลคัม)
หลายคนเชื่อว่า สาร 2b หลายตัวมีใช้กันมาเป็นเวลานานมาก และ ความเชื่อมโยงกับการก่อมะเร็งยังไม่ชัดเจน ทำให้การนำข้อมูลที่มีไม่มากไปสรุปอะไรใหญ่ๆอย่างให้ความรู้สึกต่อผู้บริโภคว่าประหนึ่งเป็น "สารก่อมะเร็ง" Category 1 ซึ่งมีผลกระทบเป็นวงกว้างโดยเฉพาะในอุตสาหกรรมอาหารและเครื่องดื่มต่างๆ
#แอสปาร์แตม Aspartame
#WHOขึ้นบัญชีสารก่อมะเร็ง
#อนันต์จงแก้ววัฒนา