กลุ่มฮิวแมนไรท์วอทช์ (Human Rights Watch) เปิดเผยหลักฐานใหม่ที่บ่งชี้ว่า ยูเครนมีการใช้ทุ่นระเบิดต้องห้ามในการต่อต้านทหารรัสเซียที่รุกรานในปี 2565 จึงเรียกร้องให้รัฐบาลยูเครนปฏิบัติตามคำมั่นที่ให้ไว้ว่าจะไม่ใช้อาวุธร้ายแรง มีการตรวจสอบการใช้งานที่ต้องสงสัย และลงโทษผู้ที่รับผิดชอบ นายสตีฟ กูส ผู้อำนวยการด้านอาวุธของฮิวแมนไรท์วอช เปิดเผยว่า นี่คือหน้าที่สำคัญในการปกป้องพลเรือน และเปิดเผยด้วยว่า กลุ่มมีการเผยแพร่รายงานเรื่องการใช้ทุ่นระเบิดครั้งแรกเมื่อเดือนมกราคม 2566 จากนั้นจึงส่งหนังสือสอบถามไปยังรัฐบาลยูเครนแต่ไม่ได้รับคำตอบ จนถึงเมื่อวันที่ 21 มิถุนายน ที่มีการประชุมสนธิสัญญาห้ามใช้ทุ่นระเบิด ที่กรุงเจนีวา เจ้าหน้าที่ยูเครนจึงมีคำตอบรับว่า พวกเขาจะตรวจสอบรายงานของฮิวแมนไรท์วอทช์และกลุ่มสิทธิมนุษยชนอื่นๆ
ในรายงานของกลุ่มยังระบุด้วยว่า นับตั้งแต่รัสเซียบุกรุกยูเครนอย่างเต็มรูปแบบเมื่อวันที่ 24 กุมภาพันธ์ 2565 มีการใช้ทุ่นระเบิดสังหารบุคคลอย่างน้อย 13 ชนิดในหลายพื้นที่ทั่วยูเครน แม้ว่ารัสเซียจะไม่ได้เข้าร่วมสนธิสัญญาห้ามใช้ทุ่นระเบิด แต่ก็เป็นการละเมิดกฎหมายมนุษยธรรมระหว่างประเทศ เพราะคือการใช้อาวุธที่ไม่มีการกำหนดเป้าหมายอย่างเฉพาะเจาะจง
สนธิสัญญาห้ามใช้ทุ่นระเบิด พ.ศ. 2540 มีข้อกำหนดห้ามใช้ทุ่นระเบิดสังหารบุคคลอย่างครอบคลุม หากมีอยู่ให้ทำลายทิ้ง กวาดล้างพื้นที่ทุ่นระเบิด และให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัย ซึ่งยูเครนลงนามในสนธิสัญญาเมื่อวันที่ 24 กุมภาพันธ์ 2542 และให้สัตยาบันเมื่อวันที่ 27 ธันวาคม 2548 แต่มีหลักฐานชัดเจนว่า กองทัพยูเครนยิงจรวดติดทุ่นระเบิดสังหารบุคคล PFM-1 หลายพันลูก หรือที่เรียกว่าทุ่นระเบิดกลีบดอกไม้ หรือผีเสื้อไปยังพื้นที่ยึดครองของรัสเซียในและรอบๆ เมืองอิเซียมทางตะวันออกของยูเครน และทำให้มีพลเรือนยูเครนเสียชีวิต ได้รับบาดเจ็บ และต้องกลายเป็นผู้พิการ
ในเดือนพฤษภาคม 2566 เกษตรกรในพื้นที่ทางตะวันออก ซึ่งกองทัพยูเครนยึดคืนพื้นที่กลับมาจากกองทัพรัสเซียได้สำเร็จ พบเศษซากจรวดจำนวนมากในระหว่างการสำรวจพื้นที่ไร่นาของพวกเขา และมีการเผยแพร่ภาพผ่านสื่อสังคมออนไลน์ ซึ่งฮิวแมนไรท์วอทช์ตรวจสอบพบว่า เป็นหัวรบและทุ่นระเบิดหลายรุ่น โดยมีข้อความที่เป็นชื่อของกลุ่มองค์กรเอกชนในยูเครนที่บริจาคเงินสนับสนุนกองทัพ
…
#ทุ่นระเบิดยูเครน
#ฮิวแมนไรท์วอทช์
#รัสเซีย