ประเทศไทยตั้งเป้าหมายเป็นกลางทาง็ฟเเฟเเเเดัคาร์บอน (Carbon Neutrality) และลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกให้เป็นศูนย์ (Net Zero GHG Emissions) ในปี พ.ศ.2593 เพื่อแก้ปัญหาโลกร้อนและภัยพิบัติซึ่งเกิดจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศที่ทวีความรุนแรงขึ้น โดยเน้นไปที่ 3 สาขา ได้แก่ พลังงานและขนส่ง , กระบวนการทางอุตสาหกรรมและการใช้ผลิตภัณฑ์ , และการกำจัดของเสียในชุมชน ถือเป็นความร่วมมือกันหลายฝ่าย ทั้งจากภาครัฐและเอกชน
บริษัท บางจาก คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) เป็นอีกหนึ่งหน่วยงานที่มีพันธกิจร่วมบรรเทาปัญหาดังกล่าว หลังจากเมื่อปี 2565 ได้ร่วมกับพันธมิตรจัดตั้งบริษัท บีเอสจีเอฟ จำกัด (BSGF)ขึ้นเพื่อพัฒนาโครงการผลิตและจัดจำหน่ายเชื้อเพลิงอากาศยานยั่งยืน (Sustainable Aviation Fuel) หรือ SAF จากน้ำมันที่ใช้แล้วจากการปรุงอาหาร นับเป็นรายแรกและรายเดียวในประเทศไทย เริ่มต้นกำลังการผลิต 1 ล้านลิตรต่อวัน คาดว่า จะพร้อมให้บริการอุตสาหกรรมการบินทั้งในและต่างประเทศในไตรมาส 4 ของปีพ.ศ. 2567
ในวันนี้ (28 มิ.ย.66) จึงมีพิธีลงนามในสัญญาก่อสร้างหน่วยผลิตน้ำมันเชื้อเพลิงอากาศยานยั่งยืนระหว่าง บริษัท บีเอสจีเอฟ จำกัด กับ บริษัท ทีทีซีแอล จำกัด (มหาชน) สนับสนุนการลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ในภาคอุตสาหกรรมการบิน นับเป็นความคืบหน้าของโครงการ นายชัยวัฒน์ โควาวิสารัช ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่มบริษัทบางจากและกรรมการ ผู้จัดการใหญ่ บริษัท บางจาก คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า เกือบ 40ปี ที่บางจากฯ มุ่งมั่นดำเนินธุรกิจ ภายใต้วิสัยทัศน์ "รังสรรค์โลกยั่งยืนด้วยนวัตกรรมสีเขียว" โดยกลุ่มธุรกิจโรงกลั่นน้ำมันและการค้าน้ำมันของบางจากฯ มีการพัฒนามาตลอด จากในยุคแรกที่เป็นเชื้อเพลิงฟอสซิล ไปสู่การนำเอทานอลหรือไบโอดีเซลมาผสมในเชื้อเพลิงฟอสซิลเป็นรายแรกในประเทศไทย จนเป็นที่ยอมรับในฐานะผู้นำด้านพลังงานทดแทน
หลังจากนี้ บางจากฯ จะก้าวสู่การเป็นผู้นำด้านพลังงานแห่งอนาคต ด้วยการบุกเบิกการผลิตน้ำมันสำหรับอากาศยาน ที่จะช่วยลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์สู่ชั้นบรรยากาศได้ถึงร้อยละ 80 ตลอดวงจรชีวิตเมื่อเทียบกับเชื้อเพลิงอากาศยานที่ผลิตจากฟอสซิล โดยบางจากฯ จัดโครงการ "ทอดไม่ทิ้ง" รับซื้อน้ำมันพืชที่ใช้ปรุงอาหารแล้ว นำไปผลิตเป็นเชื้อเพลิงให้กับเครื่องบิน นอกจากจะช่วยรักษาสิ่งแวดล้อมแล้ว ยังช่วยลดปัญหาการใช้น้ำมันซ้ำ ซึ่งจะส่งผลเสียต่อสุขภาพด้วย
นายชัยวัฒน์ ระบุว่า วันนี้ถือเป็นก้าวสำคัญ ในการลงนามสัญญาก่อสร้างหน่วยผลิตน้ำมันเชื้อเพลิงอากาศยานยั่งยืนจากน้ำมันพืซใช้แล้ว หรือ SAF รายแรกและรายเดียวในประเทศไทย ระหว่าง บริษัท บีเอสจีเอฟ จำกัด กับ บริษัท ทีทีซีแอล จำกัด (มหาชน) ผู้ดำเนินธุรกิจให้บริการด้านการออกแบบวิศวกรรมและก่อสร้างโรงงานจากประเทศญี่ปุ่น ซึ่งมีประสบการณ์ในการทำธุรกิจกับบางจากฯ มากว่า 20 ปี ซึ่งจะช่วยสนับสนุนภาคอุตสาหกรรมการบิน ลดการปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์สู่ชั้นบรรยากาศ โดยคาดว่า จะสามารถเริ่มผลิตน้ำมันเชื้อเพลิงอากาศยานยั่งยืนได้ภายในไตรมาส 4 ปี 2567
สำหรับพิธีลงนามในวันนี้ นายธรรมรัตน์ ประยูรสุข รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ กลุ่มธุรกิจโรงกลั่นและค้าน้ำมัน บริษัท บางจาก คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) ในฐานะประธานกรรมการบริษัท บีเอสจีเอฟ จำกัด และ นายวันชัย รตินธร ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ทีทีซีแอล จำกัด (มหาชน) เป็นผู้ร่วมลงนาม โดยนายชัยวัฒน์ โควาวิสารัช ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่มบริษัทบางจากและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท บางจาก คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) นางเกร็นโคลิน คาร์ดโน อัครราชทูตที่ปรึกษา สถานเอกอัครราชทูตสหรัฐอเมริกาประจำประเทศไทย และผู้บริหารระดับสูงจากหน่วยงานภาครัฐและเอกชนทั้งในและต่างประเทศ ร่วมเป็นสักขีพยาน
กลุ่มบริษัทบางจาก ฯ ยังมีแผนในการดำเนินธุรกิจเพื่อไปสู่ความเป็นกลางทางคาร์บอน (Carbon Neutrality) ในปี 2573 และปล่อยก๊าซเรือนกระจกเป็นศูนย์ (Net Zero GHG Emissions) ในปี 2593 รวมทั้งพัฒนาเศรษฐกิจ BCG Economy Model ทั้ง 3 ด้าน คือเศรษฐกิจชีวภาพ เศรษฐกิจหมุนเวียนและเศรษฐกิจสีเขียว เพื่อขับเคลื่อนเศรษฐกิจของไทย ให้เติบโตควบคู่กับการพัฒนาสังคมและการรักษาสิ่งแวดล้อมได้อย่างสมดุลและยั่งยืน
สำหรับประชาชนทั่วไป สามารถร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการแก้ปัญหาโลกร้อน ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกได้ ด้วยการนำน้ำมันพืชใช้แล้ว มาขายที่สถานีบริการน้ำมันบางจากและจุดรับซื้อในโครงการ "ทอดไม่ทิ้ง" ในราคาลิตรละ 20-23 บาท และในอนาคต จะมีการพัฒนาแอปพลิเคชันรับซื้อน้ำมันใช้แล้ว โดยประชาชนที่มีน้ำมันพืชใช้แล้ว 100 ลิตร สามารถแจ้งขายผ่านแอปฯ บางจากจะไปรับซื้อทันที เพื่อนำไปผลิตเป็นเชื้อเพลิงอากาศยานยั่งยืน SAF ช่วยรักษาสุขภาพ ลดการใช้น้ำมันทอดซ้ำ รักษาสิ่งแวดล้อม ลดการเทน้ำมันทิ้งลงท่อระบายน้ำ และยังสร้างรายได้เสริมอีกด้วย
#บางจาก
#เชื้อเพลิงอากาศยาน
#โครงการทอดไม่ทิ้ง