นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว ส.ส.น่าน หัวหน้าพรรคเพื่อไทย ให้สัมภาษณ์ในรายการเจาะลึกทั่วไทยอินไซด์ไทยแลนด์ว่า พรรคเพื่อไทยไม่ได้มีการเปลี่ยนแปลงท่าทีอะไร ในการเจรจากับพรรคก้าวไกลเรื่องตำแหน่งประธานสภาผู้แทนราษฎร การเจรจาพูดคุยเพิ่งจะเริ่มต้นไปเพียงครั้งเดียวเท่านั้น เป็นเพียงแค่การรับข้อเสนอของแต่ละพรรคไปพิจารณา และยังไม่มีการพูดคุยกันอีก เพราะเป็นกระบวนการพูดคุยกันภายในของแต่ละพรรค จากการประชุมคณะกรรมการบริหารพรรคและการประชุม ส.ส. ของพรรค เมื่อวันที่ 27 มิถุนายน พรรคเพื่อไทยมีข้อสรุปออกมา ซึ่งเป็นเพียงการให้คำตอบกับประชาชนว่า พรรคยืนยันในหลักการที่ได้เสนอไปในการเจรจาครั้งแรก ซึ่งมีการพิจารณาการทำงานและเฉลี่ยออกมาตามสัดส่วนว่าแต่ละพรรคจะต้องทำอะไร โดยออกมาเป็นสูตร 14+1 คือ พรรคก้าวไกลเป็นรัฐมนตรี 14 ตำแหน่งกับนายกรัฐมนตรี ดูแลฝ่ายบริหาร และพรรคเพื่อไทย เป็นรัฐมนตรี 14 และประธานสภา ซึ่งเป็นสิ่งที่เสนอไปในการเจรจาครั้งแรก
นพ.ชลน่าน ระบุว่า ที่ผ่านมา มีการพูดคุยและเสนอความคิดเห็นต่างๆ นั้น ก็เป็นเพียงความเห็นภายในของแต่ละพรรค ซึ่งการนำเสนอบางมุมก็มีสมาชิกและผู้สนับสนุนพรรคบางส่วนไม่เห็นด้วย แต่พรรคเห็นว่าเมื่อเกิดกระแสความคิดเห็นที่แตกต่าง ก็ควรมีความชัดเจนไปเจรจากับพรรคก้าวไกล จึงเป็นที่มาว่าที่ประชุมของพรรคได้ยืนยันหลักการเดิม ไม่ได้มีการเปลี่ยนแปลงใดๆ เพราะที่ผ่านมาพรรคก้าวไกลก็ยังไม่ได้มีคำตอบกลับมา ซึ่งการจะมีคำตอบอย่างไรก็ยังเป็นกระบวนการภายในของพรรคก้าวไกล
พร้อมกันนี้ยังย้ำว่า สิ่งที่ 8 พรรคร่วม รวมทั้งพรรคเพื่อไทยและพรรคก้าวไกล ยึดถือมาตลอด ได้ลงนามบันทึกความเข้าใจร่วมกัน คือ จะมัดแน่นและทำงานด้วยกัน โดยมีนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ เป็นนายกรัฐมนตรีให้ได้ ยังเป็นประเด็นหลัก ส่วนประเด็นตำแหน่งประธานสภาฯ จะไม่นำไปสู่ปัญหาความแตกแยกของ 8 พรรคร่วมอย่างแน่นอน อีกทั้งพรรคเพื่อไทยและพรรคก้าวไกล ก็ได้รับฉันทามติมาจากประชาชนในการเลือกตั้ง ว่าต้องการรัฐบาลประชาธิปไตย หากเพียงตำแหน่งใดตำแหน่งหนึ่งมาทำให้แตกแยก ประชาชนจะรับไม่ได้
ส่วนประเด็นการฟรีโหวต นพ.ชลน่าน ระบุว่า พรรคเพื่อไทยจะระมัดระวังไม่ให้เกิดการฟรีโหวตขึ้นอย่างแน่นอน เพราะไม่ได้เป็นประโยชน์กับทั้งสองพรรคแล้วยังจะเป็นประโยชน์กับกลุ่มที่ 3 ที่รอโอกาสอยู่
สำหรับการเจราจาเรื่องประธานสภาฯ พรรคเพื่อไทยได้ยืนยันหลักการเดิมที่ได้เสนอไปในการเจรจาครั้งแรก หากมีการนำเสนอแล้วทั้งสองพรรคได้ข้อสรุปตรงกัน ก็พร้อมเดินหน้าต่อทันที แต่หากยังไม่ได้ข้อสรุป แต่ละพรรคก็จะต้องนำข้อหารือไปพูดคุยภายในพรรคตัวเอง เพื่อหาแนวทางไปหารือเพื่อให้ได้สรุปร่วมกันให้ได้ สิ่งที่พรรคเพื่อไทยมุ่งมั่นและประกาศตลอดเวลา เมื่อจับมือกับพรรคก้าวไกล คือ จะทำอย่างไรให้นายพิธา เป็นนายกรัฐมนตรีให้ได้
#ประธานสภา
#พรรคเพื่อไทย
#พรรคก้าวไกล
CR ขอบคุณภาพ เพจเฟซบุ๊ก พรรคเพื่อไทย