สถานการณ์แผ่นดินไหวที่นอกชายฝั่งทางตอนใต้ของประเทศเมียนมา เมื่อเวลา 08.40 น. ของวันนี้ (19 มิ.ย.66) ส่งผลให้ประชาชนในพื้นที่จังหวัดนนทบุรีและกรุงเทพมหานคร ได้รับความรู้สึกสั่นไหว รศ.วิศณุ ทรัพย์สมพล รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร กล่าวว่า จากการส่งเจ้าหน้าที่สุ่มสำรวจตรวจสอบอาคารที่อาจได้รับผลกระทบจากแรงแผ่นดินไหว พบว่าไม่มีอาคารใดได้รับผลกระทบ แผ่นดินไหวที่เกิดขึ้นวันนี้อยู่ในระดับที่ทำให้คนรู้สึกได้ชัดเจนและทำให้เกิดความวิตกต่อผู้ใช้อาคาร แต่ยังไม่รุนแรงเพียงพอที่จะส่งผลทำให้เกิดความเสียหายของโครงสร้างอาคารได้ จากการติดวัดเครื่องมือเพื่อวัดความสั่นสะเทือนของอาคารธานีนพรัตน์ กทม.2 บนชั้น 36 ซึ่งเป็นชั้นสูงสุด ตัวกราฟแสดงให้เห็นว่าตามอัตราเร่งของ Peak Resiversion หน่วยเป็น milli-g (มิลลิจี) โดย g คือ ค่าแรงโน้มถ่วงของโลก บนอาคารธานีนพรัตน์ วัดได้ 3.5 milli-g ซึ่งคนจะรับรู้ความรู้สึกได้ เมื่อค่าความเร่งในแนวราบจากแรงแผ่นดินไหวอยู่ที่ 1 - 2 milli-g ซึ่งในส่วนของชั้น 4 ของอาคารภาควิชาวิศวกรรมโยธา จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ได้ค่าความเร่งอยู่ที่ 1.5 milli-g
การติดเครื่องมือทำให้เราทราบพฤติกรรมตึกมากขึ้น ต่อไปกทม.จะติดเครื่องมือในอาคารสาธารณะ อาคารสูง และรพ.กทม. 6 แห่ง กฎกระทรวงที่ใช้เพื่อควบคุมอาคารในเรื่องแผ่นดินไหวมีมาตั้งแต่ 2550 และมีอาคารที่ขออนุญาตภายใต้กฎกระทรวงฉบับนี้ จำนวน 2,887 อาคาร และมีมาตรฐานของวิศวกรรมสถานแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์(วสท.) ซึ่งออกในปี 2565 ครอบคลุมอาคาร 141 อาคาร รวม 3,028 อาคาร แต่ยังมีอาคารที่ก่อสร้างก่อนปี 2550 โดยเป็นอาคารสูงมากกว่า 6 ชั้นขึ้นไป จำนวน 11,482 อาคาร แต่อาคารเหล่านี้ก็มีการออกแบบเพื่อรองรับอยู่แล้ว
ดร.อมรเทพ จิรศักดิ์จำรูญศรี อาจารย์ประจำคณะวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ และนักวิจัยด้านแผ่นดินไหว ให้ข้อมูลเพิ่มเติม วันนี้ถือว่าเป็นการฝึกซ้อม เผชิญเหตุในอนาคตที่อาจเกิดขึ้นอีกซึ่งยังไม่สามารถทำนายได้ ต้องเตรียมพร้อมอาคารให้เป็นไปตามมาตรฐานโดยมาตรฐานที่กรมโยธาธิการและผังเมืองกำหนด ถือว่ามีรูปแบบและคุณลักษณะที่สูงเพียงพอ อย่างไรก็ดีอาคารในกรุงเทพฯ มีความหลากหลาย มีทั้งอาคารที่สร้างถูกต้องและอาคารที่สร้างเองซึ่งจะมีความเสี่ยงมากกว่า โดยเฉพาะอาคารที่ชั้นล่างมีความอ่อนแอ เปิดโล่ง มีเสาไม่กี่ต้น และด้านบนมีสิ่งก่อสร้าง มีกำแพง ทำให้ชั้นล่างจะมีความเสี่ยงมากกว่า
รศ.ทวิดา กมลเวชช รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร กล่าวว่า กทม.ยังคงสำรวจอาคารและทำแผนที่อาคารอย่างต่อเนื่องรวมทั้งจะมีการสำรวจโครงสร้างเป็นระยะด้วย ซึ่งการเกิดแผ่นดินไหวยังไม่สามารถเตือนล่วงหน้าได้ เมื่อเกิดเหตุจึงต้องมีเครื่องมือวัดและสามารถแจ้งเตือนประชาชนถึงผลกระทบที่จะเกิดขึ้นได้ เป็นเรื่องที่เราต้องเตรียมพร้อม อีกส่วนที่ต้องดำเนินการเพื่อให้ข้อมูลความรู้แก่ประชาชนคือเรื่องของการปฏิบัติตนเมื่ออยู่ในอาคาร การซักซ้อมการเผชิญเหตุ ถึงแม้อัตราการเกิดเหตุในกรุงเทพฯจะน้อย แต่ในบางครั้งคนกรุงเทพฯเดินทางไปเที่ยวในจุดเสี่ยงจึงจำเป็นต้องให้ความรู้ด้วยเช่นกัน การทำผังอาคารและสัญลักษณ์ต่าง ๆ ให้ชัดเจน ที่ผ่านมากทม.ได้ตรวจสอบอาคารที่เป็นสถานประกอบการและอาคารที่ต้องเป็นไปตามกฎกระทรวงอยู่แล้ว แต่ในขณะนี้ต้องเพิ่มเรื่องสารเคมีรั่วไหลและแผ่นดินไหวด้วย
#ซ้อมเผชิญเหตุ
#แผ่นดินไหว