สำนักข่าวบีบีซี รายงานว่า ประธานาธิบดีไซริล รามาโฟซา ของแอฟริกาใต้ พร้อมคณะผู้แทนอีก 6 ประเทศจากทวีปแอฟริกา ที่ร่วมผลักดันให้เกิดสันติภาพในยูเครน ประกอบด้วย แซมเบีย เซเนกัล คองโก คอโมโรส ยูกันดา และอียิปต์ ได้พูดคุยกับประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูตินของรัสเซีย ในการพบกันที่นครเซนต์ปีเตอส์เบิร์ก รัสเซียเมื่อวานนี้ ขอให้รัสเซียยุติสงครามในยูเครน ให้คู่ขัดแย้งทั้งสองฝ่ายแลกเปลี่ยนเชลยศึก และขอให้รัสเซียส่งเด็กๆ ชาวยูเครนหลายร้อยคนกลับบ้าน หลังถูกรัสเซียพรากไปจากครอบครัว นับตั้งแต่รัสเซียบุกยูเครนเมื่อปีที่แล้ว
ผู้นำแอฟริกาใต้ขอให้ผู้นำรัสเซียคำนึงถึงผลกระทบของสงครามที่มีต่อทวีปแอฟริกา และขอให้แก้ไขปัญหาพิพาทกับยูเครนด้วยการเจรจาทางการทูต โดยระบุว่า สงครามในยูเครนไม่อาจจะดำเนินไปอย่างไม่มีวันจบสิ้น และสงครามทั้งหมดที่เกิดขึ้นในโลก ล้วนค่อยๆคลี่คลายและยุติลงในที่สุด ประธานาธิบดีไซริล รามาโฟซา ของแอฟริกาใต้ ยังระบุด้วยว่า การที่คณะผู้แทนจากแอฟริกามาเยือนรัสเซียในครั้งนี้ เพื่อสื่อสารให้ทุกฝ่ายเข้าใจตรงกันว่า พวกเราอยากให้สงครามในยูเครนสิ้นสุดลงโดยเร็ว
ก่อนหน้านี้ นายรามาโฟซา พร้อมคณะผู้แทนอีก 5 ประเทศจากทวีปแอฟริกาที่ร่วมกันผลักดันให้เกิดสันติภาพในยูเครน ได้แก่ แซมเบีย เซเนกัล คองโก ยูกันดา และอียิปต์ ไปเยือนกรุงเคียฟ เมื่อวันศุกร์ที่แล้ว เพื่อพบกับประธานาธิบดีโวโลดีมีร์ เซเลนสกีของยูเครน โดยเตือนผู้นำยูเครนว่า สงครามในยุโรปกระทบประชาชน 1,200-1,300 ล้านคนในทวีปแอฟริกา โดยเฉพาะสินค้าโภคภัณฑ์จำเป็นอย่างธัญพืช ที่มีราคาเพิ่มสูงขึ้น ขณะที่ นายเซเลนสกี บอกกับคณะผู้แทนจากแอฟริกาว่า เขาจะไม่ยอมเจรจากับรัสเซียตราบเท่าที่รัสเซียยังคงยึดครองดินแดนของยูเครนดังเช่นในปัจจุบัน
ขณะที่ประธานาธิบดีปูติน ของรัสเซีย ตำหนิการที่ชาติตะวันตกคว่ำบาตรรัสเซีย จนก่อให้เกิดวิกฤตด้านอาหารในตลาดโลก ไม่ได้มีสาเหตุจากสงครามในยูเครน โดยระบุว่า การส่งออกสินค้าเกษตรจากยูเครนภายใต้โครงการที่สหประชาชาติให้การสนับสนุน มีเพียงร้อยละ 3 ที่ส่งไปยังทวีปแอฟริกา พร้อมชื่นชมจุดยืนเป็นกลางของกลุ่มประเทศจากแอฟริกาในเรื่องสงครามยูเครน และเน้นย้ำว่า รัฐบาลมอสโกพร้อมเจรจากับ “ทุกฝ่าย” ที่มีความตั้งใจจริง ในการยุติวิกฤติการณ์ครั้งนี้ โดยตั้งอยู่บน “พื้นฐานของการเคารพผลประโยชน์พื้นฐานของกันและกัน
#ผู้แทนสันติภาพแอฟริกา
#สงครามรัสเซียยูเครน