การแจ้งข้อหา นางสรารัตน์ หรือ แอม ไซยาไนด์ เพิ่มเติม พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ(รอง ผบ.ตร.) เดินทางมาที่ทัณฑสถานหญิง เพื่อติดตามคดี และเปิดเผยว่า เมื่อวานนี้ พนักงานสอบสวนได้เดินทางมาแจ้งข้อหาเพิ่มเติมกับ นางสรารัตน์ ซึ่งก่อนหน้านี้ได้มีการแจ้งข้อหาไปแล้วคือ ร่วมกันใช้เอกสารปลอม ฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรอง และ ปลอมปืนอาหาร ปลอมปนยา เพื่อปกปิดข้อเท็จจริง จากการปรึกษากับอัยการจะมีการแจ้งข้อหาที่ยังไม่ได้แจ้งกับนางสรารัตน์ ตำรวจจึงจะได้นำมาแจ้งในวันนี้ ซึ่งจากข้อหาหลัก ก็จะมีการแจ้งข้อหาซ้ำ ๆ กัน เช่น มี 6 ข้อหา ก็จะแจ้งรายละ 5-6 ข้อหา คล้ายๆกัน คือ ฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา,ฆ่าผู้อื่นโดยตระเตรียมการ ข้อหาปลอมปนอาหาร หรือ วางยา รวมถึงเรื่องปลอมแปลงเอกสารและชิงทรัพย์
พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ กล่าวว่า ในคดีนี้ตำรวจมีหลักฐานเชื่อมโยงทั้งหมด จะมีกี่ข้อหาก็ตาม จากประสบการณ์ของตน มีอัตราโทษประหารชีวิตทั้งหมด เพียงการกระทำเดียวก็ประหารชีวิตแล้ว ไม่จำเป็นว่าจะต้องแจ้งกี่ข้อหา ส่วนเหตุลดโทษ ตนเชื่อว่า นางสรารัตน์จะไปรับสารภาพในชั้นศาล ให้ลดโทษจากประหารชีวิต เหลือโทษจำคุกตลอดชีวิต แต่ตนไม่สามารถตอบแทนศาลได้ ตราบใดที่ศาลยังไม่พิจารณาจนถึงที่สุดผู้นั้นจะยังบริสุทธิ์ แต่การรวบรวมพยานหลักฐานของพนักงานสอบสวน วันนี้มีเพียงพอที่จะส่งฟ้องผู้ต้องหา หลังจากที่มีการแจ้งข้อกล่าวหาแล้ว ก็จะมีการเก็บรายละเอียดเกี่ยวกับสำนวนการสอบสวนทั้งหมด เพื่อส่งพนักงานอัยการภายในวันศุกร์(16 มิ.ย.66) นี้
รองผบ.ตร. ชมเชยคณะพนักงานสอบสวนและชุดสืบสวนทั้งหมด จนสามารถสรุปสำนวนคดีส่งอัยการฝากขังผัดที่4 ทำให้อัยการมีเวลาดูสำนวนอย่างละเอียดอีก 3 ผัด เพื่อให้เวลาอัยการกลั่นกรองสำนวน ถึงความรอบคอบในสำนวนคดี ซึ่งตนไม่มีความหนักใจในเรื่องนี้ หลังจากนี้ก็จะต้องดำเนินคดีกับผู้ซื้อ ผู้จำหน่าย เทรดเดอร์ โรงงานต่าง ๆ และเจ้าหน้าที่รัฐ หากพบการ กระทำความผิด เกี่ยวกับกรมโรงงาน ก็ต้องดำเนินการตามขั้นตอน แต่หากไม่พบก็ไม่มีความผิด กับอีกส่วนคือเรื่องของเว็บการพนันที่ต้องดำเนินคดีกับผู้เล่นทั้งหมด ทั้งต้องตรวจสอบเส้นทางการเงิน และดำเนินคดีกับเจ้าของเว็บพนันอีกด้วย เพื่อให้สำนวนคดีเสร็จสิ้นการสอบสวนทุกรูปแบบ
ส่วนการแจ้งข้อหา รองออฟ อดีตสามี และ น.ส.ธันย์นิชา หรือทนายพัช ก็จะมีการส่งสำนวนให้อัยการพร้อมกับสำนวนคดีของ นางสรารัตน์ ภายในสัปดาห์นี้เช่นกัน
รายงานระบุว่า พนักสอบสวน รวบรวมพยานหลักฐาน และทำสำนวนทางคดีทั้งหมด 15 คดี ในพื้นที่ 7 จังหวัด ประกอบด้วย จ.นครปฐม,สมุทรสาคร,กาญจนบุรี,เพชรบุรี,ราชบุรี,อุดรธานี และ มุกดาหาร ตำรวจจะแจ้งเพิ่มเติมในข้อหา "ฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน และเพื่อจะเอา หรือเอาไว้ซึ่งผลประโยชน์อันเกิดแต่การที่ตนได้กระทำความผิดอื่น เพื่อปกปิดความผิดอื่นของตน หรือเพื่อหลีกเลี่ยงให้พ้นอาญาในความผิดอื่นที่ตนได้กระทำไว้,ปลอมปนอาหาร ยาหรือเครื่องอุปโภคบริโภคอื่นใด เพื่อบุคคลอื่นเสพหรือใช้ และการปลอมปนนั้นเป็นเหตุให้บุคคลอื่นถึงแก่ความตาย"กับ นางสรารัตน์ ในวันนี้
ก่อนหน้านี้พนักงานสอบได้แจ้งข้อหา "ฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองฯ, และ ปลอมแปลงเอกสาร ในคดีของ น.ส.ศิริพร ขันวงษ์ หรือก้อย ไว้แล้ว ก่อนจะมีการสอบสวนขยายผลพบการกระทำผิดเพิ่มในหลายท้องที่ จึงได้รวบรวมพยานหลักฐาน และการสอบสวนทางคดี ก่อนพิจารณาแจ้งข้อหาเพิ่มเติม รวม 15 คดี คดีละ 3 - 5 ข้อหา ประกอบด้วย
มาตรา 236 ผู้ใดปลอมปนอาหาร ยาหรือเครื่องอุปโภคบริโภคอื่นใด เพื่อบุคคลอื่นเสพหรือใช้ และการปลอมปนนั้นน่าจะเป็นเหตุให้เกิดอันตรายแก่สุขภาพ หรือจำหน่าย หรือเสนอขาย สิ่งเช่นว่านั้นเพื่อบุคคลเสพหรือใช้ (ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสามปี หรือปรับไม่เกินหกหมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ)
มาตรา 289(6) ฆ่าผู้อื่นเพื่อตระเตรียมการ หรือเพื่อความสะดวกในการที่จะกระทำความผิดอย่างอื่น (ต้องระวางโทษประหารชีวิต)
มาตรา 289(7) ฆ่าผู้อื่นเพื่อจะเอา หรือเอาไว้ซึ่งผลประโยชน์อันเกิดแต่การที่ตนได้กระทำความผิดอื่น เพื่อปกปิดความผิดอื่นของตน หรือเพื่อหลีกเลี่ยงให้พ้นอาญาในความผิดอื่นที่ตนได้กระทำไว้ (ต้องระวางโทษประหารชีวิต)
มาตรา 339 ผู้ใดลักทรัพย์โดยใช้กำลังประทุษร้าย หรือขู่เข็ญว่าในทันใดนั้นจะใช้กำลังประทุษร้าย (ผู้นั้นกระทำความผิดฐานชิงทรัพย์ ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่ห้าปีถึงสิบปี และปรับตั้งแต่หนึ่งแสนบาทถึงสองแสนบาท) และความผิดตาม พ.ร.บ.วัตถุอันตราย
#แอมไซนาไนด์
แฟ้มภาพ
CR:ขอบคุณข้อมูลดาวแปดแฉก