กกต.ตั้งคณะกรรมการไต่สวน 'พิธา' มีลักษณะต้องห้ามใช้สิทธิลงสมัครเลือกตั้ง

09 มิถุนายน 2566, 20:11น.


          แม้ว่า คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) จะมีมติเป็นเอกฉันท์ 6 เสียง ไม่รับคำร้องกรณีนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคและแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี พรรคก้าวไกล (ก.ก.) มีคุณสมบัติลักษณะต้องห้ามตามรัฐธรรมนูญ ในการสมัครรับเลือกตั้งส.ส. จากการถือหุ้นบริษัทไอทีวี จำกัด (มหาชน) 42,000 หุ้น แต่ให้รับเรื่องไว้พิจารณาเป็นความปรากฏ เนื่องจากคำร้องที่ได้ยื่นมาของทั้ง 3 คน เป็นคำร้องที่ยื่นเกินระยะเวลาที่จะสั่งรับคำร้องไว้พิจารณากรณีที่ร้องว่าผู้สมัครรายใดขาดคุณสมบัติหรือมีลักษณะต้องห้ามมิให้ใช้สิทธิสมัครรับเลือกตั้งตามระเบียบ กกต.ว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส.จึงไม่รับคำร้องไว้ตามระเบียบ



          แต่เนื่องจากคำร้องดังกล่าว มีรายละเอียดเกี่ยวกับข้อเท็จจริงและพฤติการณ์และมีหลักฐานพอสมควร และมีข้อมูลเพียงพอที่จะสืบสวนไต่สวนต่อไปว่านายพิธา เป็นบุคคลผู้มีลักษณะต้องห้ามมิให้ใช้สิทธิสมัครรับเลือกตั้ง และรู้อยู่แล้วว่าตนไม่มีสิทธิสมัครรับเลือกตั้ง เนื่องจากมีลักษณะต้องห้ามแต่ได้สมัครรับเลือกตั้ง อันเข้าข่ายเป็นการกระทำที่ฝ่าฝืนมาตรา 42(3) และมาตรา 151 แห่ง พ.ร.ป.ว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส. จึงเห็นควรพิจารณาสั่งให้ดำเนินการไต่สวนเป็นกรณีที่มีเหตุอันควรสงสัยหรือความปรากฏ โดยคณะกรรมการสืบสวนไต่สวนที่ได้รับแต่งตั้งจะดำเนินการไต่สวนตามขั้นตอนและระยะเวลาที่กำหนดไว้ในระเบียบต่อไป



          สอดคล้องกับก่อนหน้านี้ ที่นายแสวง บุญมี เลขาธิการกกต. ระบุว่า คดีคุณสมบัติยังพิจารณาไม่ได้ เพราะยังไม่ได้เป็นส.ส. ตอนนี้พิจารณาได้เฉพาะคดีอาญา ตามมาตรา151 ตามคำร้องร้องว่า ไม่มีคุณสมบัติในการลงสมัครส.ส เพราะมีลักษณะต้องห้ามที่กฎหมายกำหนด เมื่อไม่มีคุณสมบัติก็จะไปสู่ ข้อหารู้อยู่แล้วว่าไม่มีคุณสมบัติแต่ยังลงสมัคร ซึ่งมีความผิดตามมาตรา 151 แต่เรื่องของการพ้นจากส.ส. เป็นไปตามรัฐธรรมนูญมาตรา 82 ซึ่งตอนนี้ยังเป็นอนาคตที่มาไม่ถึง ยังไงก็ต้องประกาศผลให้เป็นส.ส.ไปก่อน เพราะพ้นระยะเวลาช่วงการยื่นของศาลฎีกามาแล้ว กกต.ไม่มีอำนาจไม่ประกาศ แต่สามารถพิจารณาคดีอาญาได้



 



#ตั้งคณะกรรมการไต่ส่วน



#พิธาขาดคุณสมบัติ



#เลือกตั้ง66

ข่าวทั้งหมด

X