รอยเตอร์ รายงานอ้างนายจื้อเว่ย จาง หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์ของบริษัทพินพอยต์ แอสเสท แมเนจเมนท์ (Pinpoint Asset Management)ว่า การส่งออกของจีนในเดือนพฤษภาคมร่วงลงร้อยละ 7.5 เมื่อเทียบตัวเลขรายปี นับว่าร่วงหนักกว่านักเศรษฐศาสตร์ส่วนใหญ่คาดการณ์ไว้คือ ต่ำกว่านี้ร้อยละ 0.4 และเป็นการลดลงหนักที่สุดนับตั้งแต่เดือนมกราคม ขณะที่การนำเข้าของจีนในเดือนพฤษภาคมลดลงร้อยละ 4.5 นับว่าชะลอตัวลง เมื่อเทียบกับการร่วงลงร้อยละ 7.9 ในเดือนเมษายน
นายจื้อเว่ย กล่าวว่า จากตัวเลขภาคการส่งออกที่อ่อนแอในเดือนพฤษภาคม มีความจำเป็นที่ประเทศจีนจะใช้มาตรการกระตุ้นการบริโภคในประเทศไปตลอดระยะเวลาที่เหลือของปีนี้ ในสถานการณ์ที่เศรษฐกิจโลกชะลอตัวในปัจจุบัน ซึ่งนักเคราะห์ส่วนใหญ่ประเมินว่าเศรษฐกิจอาจจะยังคงอ่อนแอในช่วง 6 เดือนหลังของปีนี้ด้วย
ขณะเดียวกัน ผู้ผลิตภาคอุตสาหกรรมของจีนจะต้องพยายามจะค้นหาตลาดใหม่ๆเพื่อส่งออกสินค้าจีนไปต่างแดน ขณะที่การบริโภคของภาคครัวเรือนของจีนยังคงซบเซาดังเช่นในปัจจุบัน สะท้อนว่า อุปสงค์ทั่วโลกสำหรับสินค้าจากจีนยังคงอ่อนแอ อีกทั้งสอดคล้องกับตัวเลขการนำเข้าของจีน ซึ่งอ่อนแอ ทั้งนี้ ประเทศจีน นำเข้าชิ้นส่วนอะไหล่และวัตถุดิบต่างๆจากต่างแดน นำมาประกอบเป็นสินค้าสำเร็จรูป เพื่อการส่งออก
ขณะที่ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ(PMI)ของจีนซึ่งเป็นดัชนีสะท้อนถึงการขยายตัว หรือหดตัวของภาคการผลิตและบริการของจีนในภาพรวม เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว บ่งชี้ว่า ดัชนี PMI หดตัวเร็วเกินคาดในเดือนพฤษภาคม เป็นผลพวงจากอุปสงค์อ่อนแอทั้งในประเทศและในต่างแดน
รัฐบาลจีนตั้งเป้าจีดีพีของจีนในปีนี้จะเติบโตร้อยละ 5 หลังพลาดเป้าในปีที่แล้ว โดยจีดีพีของจีนในปี 2565 เติบโตร้อยละ 3 มีมูลค่า 121.02 ล้านล้านหยวน
#เศรษฐกิจจีน
#ตัวเลขการค้าเดือนพฤษภาคม