ดัชนีความเชื่อมั่นนักลงทุน (FETCO Investor Confidence Index) ผลสำรวจในเดือน พ.ค.66 (สำรวจระหว่างวันที่ 22-31 พ.ค.66) พบว่า ดัชนี ICI ในอีก 3 เดือนข้างหน้าอยู่ที่ระดับ 77.70 ปรับลดลง ร้อยละ 26.8 จากเดือนก่อนหน้ามาอยู่ในเกณฑ์ "ซบเซา" เป็นครั้งแรกในรอบ 8 เดือน นายกอบศักดิ์ ภูตระกูล ประธานกรรมการสภาธุรกิจตลาดทุนไทย เปิดเผยว่า นักลงทุนมองว่าการจัดตั้งรัฐบาลหลังการเลือกตั้งจะเป็นปัจจัยหนุนความเชื่อมั่นมากที่สุด รองลงมาคือการฟื้นตัวของภาคท่องเที่ยว และการฟื้นตัวของเศรษฐกิจในประเทศ สำหรับปัจจัยที่ฉุดความเชื่อมั่นนักลงทุนมากที่สุด ได้แก่ ปัญหาการเมืองหลังการเลือกตั้ง รองลงมาคือการถดถอยของเศรษฐกิจในประเทศ และการเก็บภาษีตลาดทุน
ดัชนี ICI ได้ผลสำรวจล่าสุดโดยสรุป ดังนี้
-ดัชนีความเชื่อมั่นรวมทุกกลุ่มนักลงทุนในอีก 3 เดือนข้างหน้า (สิงหาคม 2566) อยู่ในเกณฑ์ "ซบเซา" (ช่วงค่าดัชนี 40-79) ลดลงร้อยละ 26.8 จากเดือนก่อนหน้า มาอยู่ที่ระดับ 77.70 ความเชื่อมั่นของนักลงทุนกลุ่มบัญชีบริษัทหลักทรัพย์ และกลุ่มนักลงทุนสถาบัน อยู่ในเกณฑ์ "ทรงตัว" ในขณะที่ความเชื่อมั่นกลุ่มนักลงทุนบุคคล และกลุ่มนักลงทุนต่างประเทศอยู่ในเกณฑ์ "ซบเซา"
-หมวดธุรกิจที่น่าสนใจมากที่สุด คือ หมวดธนาคาร (BANK)
-หมวดธุรกิจที่ไม่น่าสนใจมากที่สุด คือ หมวดปิโตรเคมีและเคมีภัณฑ์ (PETRO)
-ปัจจัยหนุนที่มีอิทธิพลต่อตลาดหุ้นไทยมากที่สุด คือ การจัดตั้งรัฐบาลหลังการเลือกตั้ง
-ปัจจัยฉุดที่มีอิทธิพลต่อตลาดหุ้นไทยมากที่สุด คือ ปัญหาการเมืองหลังการเลือกตั้ง
ผลสำรวจรายกลุ่มนักลงทุนพบว่า มีเพียงความเชื่อมั่นนักลงทุนกลุ่มบัญชีบริษัทหลักทรัพย์ปรับเพิ่มขึ้น ร้อยละ 14.3 อยู่ที่ระดับ 100.00 ในขณะที่กลุ่มอื่นปรับลดลง โดยนักลงทุนบุคคลปรับลดร้อยละ 24.0 อยู่ที่ระดับ 73.61 กลุ่มนักลงทุนสถาบันในประเทศปรับลด ร้อยละ 18.5 อยู่ที่ระดับ 91.67 และกลุ่มนักลงทุนต่างประเทศปรับลด ร้อยละ 40.0 อยู่ที่ระดับ 75.00
SET Index ในครึ่งแรกของเดือน พ.ค.66 ปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องก่อนที่จะมีการเลือกตั้งในวันที่ 14 พ.ค.66 สวนทางกับตลาดหุ้นโลกที่ปรับตัวลงจากความกังวลต่อภาวะเศรษฐกิจโลกและความล่าช้าในการยกระดับเพดานหนี้สาธารณะ
ส่วนครึ่งหลังของเดือน SET Index ปรับตัวลงมากกว่าตลาดหุ้นอื่นทั่วโลก จากความกังวลต่อปัญหาเรื่องการจัดตั้งรัฐบาลหลังการเลือกตั้งและนโยบายเศรษฐกิจ และกลับมาปรับขึ้นในช่วงปลายเดือนหลังจากมีความชัดเจนเกี่ยวกับ MOU ในการจัดตั้งรัฐบาลผสม ทำให้ สิ้นเดือน พ.ค.66 SET index ปิดที่ 1,533.54 จุด ปรับตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ 0.3 จากเดือนก่อนหน้า นักลงทุนต่างชาติยังคงขายสุทธิต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 4 กว่า 33,047 ล้านบาท โดยตั้งแต่ต้นปี 66 นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิรวม 97,006 ล้านบาท ปริมาณซื้อขายเฉลี่ยต่อวันในเดือน พ.ค.66 อยู่ที่ 54,819 ล้านบาท
ปัจจัยต่างประเทศที่ต้องติดตาม ได้แก่ สถานการณ์เงินเฟ้อในประเทศเศรษฐกิจหลักทั่วโลกที่อาจกลับมาเพิ่มขึ้นในช่วงครึ่งหลังของปี อาจกดดันให้ธนาคารกลางแต่ละประเทศต้องปรับขึ้นดอกเบี้ยเพิ่มเติม และส่งผลกระทบต่อการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลก รวมถึงปัญหาความขัดแย้งด้านภูมิรัฐศาสตร์ที่ยังคงอยู่ อีกทั้งการขยายตัวของเศรษฐกิจจีนที่ขยายตัวได้น้อยกว่าที่คาดการณ์ไว้
ส่วนของปัจจัยในประเทศที่น่าติดตาม ได้แก่ ความรวดเร็วในการจัดตั้งรัฐบาลซึ่งหากล่าช้าจะส่งผลกระทบต่อการอนุมัติร่างพ.ร.บ. งบประมาณรายจ่ายประจำปี 2567 รวมถึงความชัดเจนในการดำเนินนโยบายเศรษฐกิจที่ได้ประกาศออกมา อาทิ นโยบายกระตุ้นการบริโภค นโยบายปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ และนโยบายพลังงาน เช่น การปรับลดค่าไฟ รวมถึงนโยบายด้านภาษี
#เศรษฐกิจไทย
#ตลาดหุ้น
แฟ้มภาพ