5 เดือนแรก ป่วย-ตาย โรคไข้เลือดออกเพิ่ม ระวังเด็กต่ำกว่า 15 ปี

06 มิถุนายน 2566, 06:32น.


          กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข รายงานสถานการณ์โรคไข้เลือดออก ระหว่างวันที่ 1 ม.ค. - 31 พ.ค.66



-ผู้ป่วยสะสม จำนวน 18,173 ราย

-ผู้ป่วยรายใหม่ จำนวน 1,523 ราย(สัปดาห์ที่21)

-ผู้เสียชีวิต จำนวน 15 ราย (เพิ่มขึ้น 1 ราย)



*5 พื้นที่ที่มีอัตราป่วยสูง



-ตราด



-น่าน



-จันทบุรี



-แม่ฮ่องสอน



-ระยอง



          ก่อนหน้านี้ กรมควบคุมโรค เตือนเฝ้าระวังโรคไข้เลือดออกที่มียุงลายเป็นพาหะนำโรค ซึ่งมักระบาดในช่วงฤดูฝน เนื่องจาก เมื่อฝนตกจะทำให้เกิดน้ำขังในภาชนะต่างๆ กลายเป็นแหล่งวางไข่ของยุง ส่งผลให้ยุงพาหะชุกชุมมากขึ้น ประชาชนจึงอาจเสี่ยงป่วยโรคไข้เลือดออก และในปีนี้คาดการณ์ว่าโรคไข้เลือดออกจะกลับมาระบาดอีกครั้งตามวงรอบของปีที่จะระบาด ขณะนี้ผู้ป่วยส่วนใหญ่เป็นกลุ่มเด็กนักเรียน



           นายแพทย์ธเรศ กรัษนัยรวิวงค์ อธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวว่า กรมควบคุมโรค คาดการณ์ว่าไข้เลือดออกจะกลับมาระบาดอีกครั้งในปีนี้ตามวงรอบของปีที่จะระบาด สถานการณ์โรคไข้เลือดออกในปีนี้ตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค.66 - 31 พ.ค.66



-ผู้ป่วยโรคไข้เลือดออกเพิ่มขึ้น พบผู้ป่วยจำนวน 18,173 ราย



-เสียชีวิต 15 ราย



-กลุ่มอายุที่พบอัตราป่วยสูงที่สุด ได้แก่ กลุ่มอายุ 5-14 ปี (6,088 ราย อัตราป่วย 79.00)



-รองลงมา 15-24 ปี (4,247 ราย อัตราป่วย 49.53)



          ลักษณะอาการของโรคไข้เลือดออก คือ มีไข้สูงเฉียบพลัน และสูงลอยประมาณ 2-7 วัน ร่วมกับปวดศีรษะ ปวดเมื่อยตามตัว หน้าแดง อาจมีจุดแดงเล็กๆ ขึ้นตามลำตัว แขน ขา อาจมีอาการคลื่นไส้ อาเจียน ปวดท้อง และเบื่ออาหาร ส่วนใหญ่ไม่ไอ ไม่มีน้ำมูก ต่อมาไข้จะลดลง ในระยะนี้ต้องระมัดระวังเป็นพิเศษ เพราะอาจเกิดภาวะช็อกและเสียชีวิตได้ ซึ่งลักษณะอาการบางอย่างของโรคไข้เลือดออก อาจมีอาการคล้ายกับโรคโควิด-19 ขอให้ประชาชนสังเกตอาการป่วยของคนในครอบครัว หากมีไข้สูงลอยเกิน 2 วัน และเช็ดตัวหรือกินยาลดไข้แล้วไข้ไม่ลดลง ขอให้คิดว่าอาจป่วยด้วยโรคไข้เลือดออก และไม่ควรซื้อยารับประทานเองโดยเฉพาะยาในกลุ่มเอ็นเสด (NSAIDs) เช่น ไอบูโพรเฟน ไดโครฟีแนก แอสไพริน รวมถึงยาชุด ซึ่งมีผลทำให้เลือดออกในทางเดินอาหารได้ง่ายและยากต่อการรักษา ทำให้เสี่ยงต่อการเสียชีวิต ให้รีบพาผู้ป่วยไปพบแพทย์หรือสถานบริการสาธารณสุขที่อยู่ใกล้บ้าน เพื่อให้ได้รับการวินิจฉัย ประเมินอาการ เพื่อที่จะได้รับการดูแลรักษาที่ถูกต้องอย่างรวดเร็ว จะช่วยลดโอกาสการเสียชีวิตได้ ซึ่งปัจจุบันมีการใช้ชุดตรวจโรคไข้เลือดออกชนิดรวดเร็ว (Dengue Rapid Diagnosis Test) ทำให้สามารถวินิจฉัยผู้ป่วยโรคไข้เลือดออกได้เร็วมากขึ้น



          นายแพทย์โสภณ เอี่ยมศิริถาวร รองอธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวเพิ่มเติมว่า สาเหตุการเสียชีวิตของผู้ป่วยโรคไข้เลือดออกในกลุ่มเด็กอายุต่ำกว่า 15 ปี ส่วนใหญ่คือเด็กมีภาวะอ้วน รองลงมาคือไปรับการรักษาล่าช้า และได้รับยาในกลุ่ม NSAIDs ซึ่งในขณะนี้ผู้ป่วยโรคไข้เลือดออกส่วนใหญ่เป็นกลุ่มเด็กวัยเรียน



          การป้องกันโรคไข้เลือดออกให้ได้ผลดีที่สุด คือ การป้องกันตนเองไม่ให้ถูกยุงกัด โดยการทายากันยุงหรือนอนในมุ้ง กำจัดแหล่งวางไข่ยุงลายรอบบ้าน ทำลายภาชนะที่มีน้ำขัง หรือใช้ทรายกำจัดลูกน้ำบริเวณน้ำขัง และที่สำคัญต้องไม่สร้างแหล่งวางไข่ยุงลายเพิ่มขึ้น โดยขอให้ยึดหลัก “3 เก็บ ป้องกัน 3 โรค” คือ เก็บบ้านให้สะอาด ปรับปรุงสิ่งแวดล้อมในบ้านและรอบบ้าน ให้มีความเป็นระเบียบ ไม่ให้มีมุมอับทึบเป็นที่เกาะพักของยุง  เก็บขยะ บริเวณรอบบ้านไม่ให้เป็นแหล่งวางไข่ยุงลาย และ เก็บน้ำ โดยปิดฝาภาชนะที่ใส่น้ำให้มิดชิด เปลี่ยนน้ำในแจกันทุกสัปดาห์ พร้อมทั้งขัดขอบภาชนะ เพื่อกำจัดไข่ยุงลาย ซึ่งทั้งหมดนี้จะสามารถป้องกันโรคติดต่อนำโดยยุงลายได้ทั้ง 3 โรค คือ โรคไข้เลือดออก โรคติดเชื้อไวรัสซิกา และโรคไข้ปวดข้อยุงลาย สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม ได้ที่สายด่วนกรมควบคุมโรค โทร. 1422



 



#ไข้เลือดออก



CR:ขอบคุณข้อมูล-ภาพ กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข

ข่าวทั้งหมด

X