ที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐฯ ลงมติเรื่องเพดานหนี้สหรัฐฯ เช้านี้ (1 มิ.ย.66) ตามเวลาในไทย หรือเวลา 20.30 น.วันที่ 31 พ.ค.66 ตามเวลาสหรัฐฯ ก่อนที่กำหนดเส้นตายที่รัฐบาลจะไม่มีเงินพอสำหรับใช้จ่ายในโครงการต่าง ๆ จะหมดลงในอีก 5 วันข้างหน้า
มาตรการระงับเพดานหนี้ที่จำกัดปริมาณการกู้ยืมเงินของรัฐบาลสหรัฐฯ ไว้ที่ 31.4 ล้านล้านดอลลาร์ ผ่านความเห็นชอบของสภาล่างไปได้ด้วยคะแนนเสียง 314-117 โดยได้รับเสียงสนับสนุนจากเสียงส่วนใหญ่จากทั้งพรรครีพับลิกันและพรรคเดโมแครต พรรครีพับลิกัน 149 คนและพรรคเดโมแครต 165 คนที่ลงคะแนนให้ร่างกฎหมายนี้ และพรรครีพับลิกัน 71 คนและพรรคเดโมแครต 46 คนที่ลงคะแนนเสียงไม่เห็นด้วย
ปัจจุบัน พรรครีพับลิกันมีเสียงข้างมากแบบปริ่มน้ำในสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐฯ ด้วยจำนวนที่นั่ง 222 ต่อ 213 ร่างกฎหมายฉบับนี้จะส่งต่อให้วุฒิสภาสหรัฐฯ ซึ่งคาดว่าการอภิปรายเรื่องนี้ในวุฒิสภาจะยืดเยื้อไปจนถึงช่วงสุดสัปดาห์หน้า เพื่อให้ประธานาธิบดีโจ ไบเดน ลงนามเป็นกฎหมาย ให้ทันกำหนดเวลาวันจันทร์หน้า (5 มิ.ย.66)
อย่างไรก็ตาม ข้อตกลงดังกล่าว มีสมาชิกพรรครีพับลิกันฝ่ายอนุรักษ์นิยมขวาจัดยังไม่พอใจ วิจารณ์ข้อตกลงระหว่างประธานาธิบดีไบเดน และนายเควิน แมคคาร์ธี ประธานสภาผู้แทนราษฎร ว่าลดค่าใช้จ่ายของรัฐบาลลงน้อยเกินไป ซึ่งนายแมคคาร์ธี ยืนยันว่า รีพับลิกันทำงานเพื่อชาวอเมริกัน และถือเป็นก้าวแรกที่ต้องควบคุมการใช้จ่าย พร้อมแสดงความมั่นใจเมื่อวันอังคารที่ 30 พ.ค.66 ว่า จะผ่านร่างกฎหมายฉบับนี้
ขณะที่ ฝ่ายนิติบัญญัติประเมินว่าข้อตกลงนี้ดีกว่าทางเลือกอื่น หากไม่ผ่านหรือตกลงกันไม่ได้จะส่งผลกระทบกับเศรษฐกิจอย่างหนัก
สมาชิกพรรคเดโมแครตหัวก้าวหน้า กลับมองว่า ตัดงบประมาณลงมากเกินไป ร่างกฎหมายนี้จะระงับการใช้เพดานหนี้ของสหรัฐฯ ไปจนถึงวันที่ 1 มกราคม ปี 2025 ซึ่งหมายความว่ารัฐบาลนายไบเดนจะสามารถกู้ยืมเงินได้ไม่มีกำหนดจนกว่าจะถึงวันนั้น และจะไม่มีความเสี่ยงเรื่องการผิดนัดชำระหนี้จนจบการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ สมัยหน้าในเดือนพฤศจิกายน ปี 2024 แต่ร่างกฎหมายดังกล่าวกำหนดเพดานการใช้จ่ายของรัฐบาลในบางโครงการในช่วงสองปีข้างหน้า เพิ่มความรวดเร็วในการอนุญาตโครงการด้านพลังงานบางโครงการ และเพิ่มเงื่อนไขสำหรับผู้ที่จะขอรับสวัสดิการในโครงการอาหารและความช่วยเหลือทางสังคมบางอย่าง เป็นต้น
นักวิเคราะห์ กล่าวว่า ข้อตกลงอาจมีผลกระทบเล็กน้อยต่อเศรษฐกิจสหรัฐฯ เนื่องจาก การใช้จ่ายของรัฐบาลจะลดลงเพียงเล็กน้อยในช่วงสองปีของข้อตกลง เศรษฐกิจสหรัฐฯเป็นประเทศที่ใหญ่ที่สุดในโลก ดังนั้นผลกระทบที่ค่อนข้างเล็กน้อยต่อการเติบโตอาจเป็นข่าวดีสำหรับนักลงทุนที่กลัวว่าวิกฤตเพดานหนี้อาจกระทบภาพรวมเศรษฐกิจ
มาร์ค แซนดี้ หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์จาก Moody’s Analytics กล่าวกับ CNN ว่าไม่คิดว่าจะทำให้เศรษฐกิจเข้าสู่ภาวะถดถอย
ขณะที่ ความเห็นจากนักวิเคราะห์ ยังระบุว่า ข้อตกลงนี้อาจทำให้มีการใช้นโยบายการคลังที่เข้มงวดขึ้น เนื่องจาก สมาชิกสภานิติบัญญัติต้องต่อสู้กับการขาดดุลของประเทศที่เพิ่มขึ้นในช่วงหลายปีที่เกิดการระบาดของโควิด-19
นักเศรษฐศาสตร์ที่ Goldman Sachs คาดว่า ข้อตกลงจะลดการใช้จ่ายของรัฐบาลกลางได้มากถึง 0.2% ของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศต่อปีในช่วงสองปีของข้อตกลง เมื่อเทียบกับการประเมินพื้นฐาน
#เพดานหนี้สหรัฐฯ
CR:CNN,AP