รองนายกฯ ชี้ อยู่ที่ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย นักการเมืองถือหุ้นสื่อ

31 พฤษภาคม 2566, 20:01น.


          การถือครองถือหุ้นไอทีวีของนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล หากถูกศาลวินิจฉัยขาดคุณสมบัติความเป็น ส.ส. ซึ่งส่งผลกระทบต่อการเป็นนายกรัฐมนตรี และการเซ็นรับรองผู้สมัคร ส.ส.ของพรรค ก.ก.ที่ผ่านมาหรือไม่ นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี  กล่าวว่า หากเรื่องนี้ขึ้นอยู่กับผู้ร้องว่าร้องในประเด็นใด ถ้าร้องในประเด็นว่าขาดจากการเป็น ส.ส. นายพิธาก็สามารถเป็นนายกรัฐมนตรีได้ เพราะนายกรัฐมนตรีไม่ต้องเป็น ส.ส. หรือถ้าร้องว่าขาดจากความเป็นนายกรัฐมนตรีก็สามารถเป็น ส.ส.ได้ แต่ถ้าร้องทั้ง 2 เรื่อง ศาลก็จะวินิจฉัยทั้ง 2 เรื่อง หรืออาจจะกระทบไปอีกประเด็น คือการเซ็นรับรองสมาชิกพรรค  แต่อย่าเพิ่งคิดไปไกลขนาดนั้น เอาทีละประเด็น คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ยังไม่ได้ทำอะไรเลย อย่าเพิ่งคิดในแง่ร้าย



          นายวิษณุย้ำว่า การที่พูดแบบนี้ ไม่ใช่มาแนะนำว่าจะต้องร้องอย่างไร เพราะอยู่ที่ผู้ร้องเองว่าร้องประเด็นไหน ศาลก็วินิจฉัยประเด็นนั้น ถ้าร้อง 3 ประเด็นศาลก็วินิจฉัยทั้ง 3 ประเด็น ดังนั้น หากมีการร้องเรื่องเซ็นรับรองสมาชิกพรรคก็จะต้องมีการเลือกตั้งใหม่ทั้งหมด เช่น ในอดีตมีภาพการกระทำผิดพลาดเพียงหน่วยเลือกตั้งเดียว แต่ต้องมีการเลือกตั้งใหม่ทั้งประเทศ



          ยกตัวอย่างกรณีคุณหญิงพจมาน ณ ป้อมเพชร ว่า เมื่อการเลือกตั้ง ส.ส.ปี 49 ได้มีการเผยแพร่ภาพข่าวของหน่วยเลือกตั้งหน่วยหนึ่ง สื่อมวลชนได้มีการถ่ายภาพบุคคลที่เป็นระดับคุณหญิงท่านหนึ่งขณะลงคะแนนเสียงในคูหาเลือกตั้ง ซึ่งคูหาดังกล่าวหันหลังผิดด้าน จนทำให้สื่อมวลชนสามารถบันทึกภาพขณะลงคะแนนได้ ทั้งที่ปกติผู้ลงคะแนนจะต้องหันหน้าออกหน้าหน่วย



          โดยในครั้งนั้นเป็นการตั้งคูหาผิด ทำให้สามารถส่องกล้องเข้าไปแล้วเห็นขณะที่กาบัตรได้ว่าลงคะแนนให้ใคร การเลือกตั้งครั้งนั้นไม่เป็นการลับ ซึ่งถ้าทำเช่นนั้นในหน่วยหนึ่งได้ก็จะทำได้ในอีกทุกต่อมาทำให้การเลือกตั้งครั้งนั้นโมฆะทั้งประเทศ ดังนั้นกรณีนี้ก็เช่นเดียวกัน หากมีการเลือกตั้งซ่อมก็ต้องเลือกตั้งใหม่ทั้งประเทศ



 



 



#เลือกตั้งใหม่



#ศาลรัฐธรรมนูญ



แฟ้มภาพ

ข่าวทั้งหมด

X