การแถลงเปิดคดีทุจริตซื้อขายข้าวแบบรัฐต่อรัฐ หรือ จีทูจี หลังปปช.ได้แถลงเหตุผลการถอดถอนไปแล้ว ล่าสุด นาย บุญทรง เตริยาภิรมย์ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ แถลงโต้แย้งว่า สงสัยในพฤติกรรมของปปช.ที่เร่งรัดการดำเนินคดีกับพวกตัวเอง และมีการเลือกปฎิบัติอย่างไม่เป็นธรรม ยกตัวอย่างเปรียบกับรัฐบาลของนาย อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะว่ามีคดีต่างๆค้างนานกว่า 5 ปีเช่นกัน แต่เหตุใดปปช.ยังไม่ส่งคดีดำเนินการ
โดยมองว่า ปปช.ไม่เคยเรียกตัวเองและฝ่ายผู้ซื้อคือบริษัทจีนทั้งสองแห่งมาสอบพยาน ทำให้เชื่อมั่นว่าปปช.มีอคติกับรัฐบาลเพื่อไทยในทุกยุคสมัย ซึ่งคงไม่หวังว่าจะได้รับความเป็นธรรมในการต่อสู้นี้ ด้านการระบายข้าวแบบรัฐต่อรัฐนั้น ยืนยันว่าทำไปตามหลักเกณฑ์ที่ถูกต้อง โดยการขายข้าวนั้นต้องตั้งราคาให้ต่ำกว่าท้องตลาด เพราะจะได้ระบายข้าวได้มากขึ้นและลดสต็อกที่มีอยู่ เพื่อป้องกันข้าวเสื่อมคุณภาพจนเป็นข้าวเน่า ซึ่งในสมัยพล.อ. สุรยุทธ์ จุลานนท์ และนาย อภิสิทธิ์ ก็ขายในราคาต่ำเช่นกัน
ส่วนการขายในรูปแบบแคชเชียร์เช็คก็ทำได้ถูกต้องและเหมาะสม ส่วนกรณีที่ปปช.ชี้ว่าเป็นการขายข้าวเวียนเทียนขายในประเทศ อยากให้มีพยานหลักฐานที่ชัดเจน เพราะนอกจากปปช.แล้วยังไม่เคยเห็นหลักฐานนี้จากที่อื่น และระบุด้วยว่าบริษัทจีนทั้งสองแห่งที่ค้าขายจีทูจีได้รับสัญญาที่ถูหต้อง เพราะเป็นบริษัทในนามรัฐวิสาหกิจจีนอยู่แล้ว
ด้านนายภูมิ สาระผล รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ ผู้ถูกกล่าวหาอีกครั้ง ยืนยันว่ามีเอกสารจากบริษัททั้งสองของจีนที่ได้ร่วมทำสัญญาจริง ส่วนการระบายข้าวนั้นยืนยันว่าจำเป็นต้องทำ เพราะมีสต็อกข้าวล้นตลาด ซี่งต้องระบายออกเพื่อป้องกันข้าวเสื่อมคุณภาพและระบายสต็อกและช่วงนั้นหลายประเทศกำลังเร่งระบายข้าว ส่งผลให้ราคาข้าวตกต่ำรวมทั้งไทย ส่วนการที่ทำสัญญากับจีนก็เพื่อเป็นการสร้างการต่อรองในเวทีข้าวโลกและสร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับจีน อย่างไรก็ดีการขายแบบจีทูจีนั้นจะเป็นราคามิตรภาพ และยืนยันว่าข้าวที่ขายได้เงินครบทุกบาท ส่วนข้าวที่ไม่ถูกส่งออกไปต่างประเทศตามที่ปปช.กล่าวอ้าง ก็ระบุว่าไม่เป็นความจริง เป็นการกล่าวอ้างไร้หลักฐาน พร้อมท้าให้ปปช.หาหลักฐานยืนยัน และเชื่อมั่นว่าตัวเองไม่ได้ทำผิดและ สนช.ควรยุติเรื่องดังกล่าว เพราะไม่มีตำแหน่งให้ถอดถอนแล้ว