หลังศูนย์ปรองดองสมานฉันท์เพื่อการปฏิรูป หรือ ศปป. ได้เรียกแกนนำ พรรคการเมือง กลุ่มการเมืองต่างๆ รวมถึงนิสิตนักศึกษา เข้าให้ความเห็นเพื่อแก้ไขความขัดแย้ง ที่สโมสรทหารบก ถนนวิภาวดีรังสิต พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ยืนยันว่าไม่ใช่เป็นการควบคุมตัวและไม่ต้องปรับทัศนคติ เพียงแต่คณะรักษาความสวยแห่งชาติ หรือ คสช.อยากให้เกิดความปรองดองในอนาคต จึงได้เรียกมาพูดคุย เพื่อรวบรวมความคิดเห็นจากทุกฝ่าย ในการระดมความคิดเพื่อให้เกิดความปรองดองอย่างยั่งยืน
ส่วนการแก้ไขปัญหาเรื่องของประมงไทย รองนายกรัฐมนตรี รับว่า ไม่คาดคิดว่าไทยจะได้ใบเหลืองจากอียู เพราะไทยได้ดำเนินการแก้ไขปัญหาเรื่องประมงมาโดยตลอด แต่ก็ยังไม่เป็นไปตามหลักสากล วันนี้ได้ทำความเข้าใจกับหน่วยงานทั้งหมดและตกลงกันว่าจะดำเนินการในด้านของกฎหมาย รวมถึงการติดตั้ง จีพีเอส ในเรือประมงเพื่อติดตามเรือ พร้อมตั้งคณะกรรมการเพื่อชี้แจงกับสหภาพยุโรป หรืออียูให้เข้าใจในการทำงานของไทย จัดตั้งชุดเฉพาะกิจใน 22 จังหวัดเพื่อตรวจสอบเรือที่จะออกจากท่า และจะเรียกประชุมคณะกรรมการเพื่อติดตามความคืบหน้าในทุกสัปดาห์ โดยมั่นใจ จะแก้ไขตามระยะเวลา6 เดือน ตามที่ อียูกำหนด
ส่วนใน 1 เดือนต่อไปนี้ จะต้องมีความชัดเจนในการแก้ไขปัญหา และภายใน 3เดือนก็จะแก้ไขปัญหาทั้งหมดให้เสร็จสิ้น เช่น การชี้แจงกับต่างประเทศ ,การแก้ไขกฎหมายต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง ทั้งนี้พล.อ.ประวิตร ระบุว่า ยังไม่มีความจำเป็นที่จะใช้อำนาจตามมาตรา 44 มาแก้ไขปัญหา เพราะกฎหมายอื่นได้ครอบคลุมการดำเนินงานแล้ว ส่วนการจัดอันดับการค้ามนุษย์ของสหรัฐอเมริกาที่ไทยอยู่ในอันดับเทียร์ 3 นั้น รองนายกรัฐมนตรี ระบุว่า อาจมีปัญหาในเรื่องของการจับกุมและดำเนินคดี ซึ่งจะต้องเรียกประชุมอีกครั้ง แต่พยายามที่จะแก้ไขเพื่อให้ปรับลดอันดับให้ดีขึ้น