รอยเตอร์ รายงานอ้างนายโตชิทากะ ทาซาวะ นักวิเคราะห์จากบริษัทฟูจิโตมิ ซิเคียวริตีส์ ของญี่ปุ่นว่า ราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกปรับขึ้นในวันนี้ (30 พ.ค.66) เนื่องจาก นักลงทุนส่วนใหญ่ประเมินว่า ประธานาธิบดีโจ ไบเดน และนายเควิน แมคคาร์ธี ประธานสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐฯ บรรลุข้อตกลงเรื่องหนี้สาธารณะของสหรัฐฯ โดยให้พักเพดานหนี้สาธารณะ ซึ่งปัจจุบันอยู่ที่ 31.4 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐฯ พร้อมจำกัดการใช้จ่ายงบของรัฐบาลของสหรัฐฯในช่วง 2 ปีข้างหน้า จะช่วยกระตุ้นให้มีการใช้น้ำมันสูงขึ้น แต่อีกด้านหนึ่ง นักลงทุน ยังคงมีความกังวลว่า ธนาคารกลางสหรัฐฯ(เฟด) อาจจะปรับเพิ่มอัตราดอกเบี้ยขึ้นอีกในการประชุมครั้งต่อไป 13-14 มิถุนายนนี้ ซึ่งจะกระทบต่อการเติบโตทางเศรษฐกิจและอุปสงค์ด้านน้ำมันของสหรัฐฯ ทำให้ราคาน้ำมันขยับขึ้นไม่สูงเท่าที่ควร
นอกจากนี้ นักลงทุนส่วนใหญ่รอดูท่าทีจากกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน และพันธมิตร รวมถึงรัสเซีย ซึ่งเรียกว่า โอเปกพลัส (OPEC+) ซึ่งจะประชุมกันในวันที่ 4 มิถุนายนนี้ เพื่อดูความชัดเจนว่า พวกเขาจะลงมติให้ปรับลดกำลังการผลิตเพิ่มเติมอีกหรือไม่ ก่อนหน้านี้ กลุ่มโอเปกพลัส ลงมติให้สมาชิกปรับลดกำลังการผลิตน้ำมันดิบเฉลี่ย 1.2 ล้านบาร์เรลต่อวันตั้งแต่กลางเดือนเมษายน หลังจากราคาลดลงอย่างต่อเนื่อง
ในช่วงแรกของการซื้อขายในวันนี้
-ราคาน้ำมันดิบเบรนท์ของตลาดกรุงลอนดอน อังกฤษตามสัญญาซื้อขายล่วงหน้าขยับขึ้น 35 เซนต์ หรือร้อยละ 0.5 อยู่ที่ 77.42 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล หลังขยับขึ้น 12 เซนต์เมื่อวันจันทร์
-ราคาน้ำมันดิบของตลาดเวสต์เท็กซัส สหรัฐฯ ขยับขึ้น 53 เซนต์ อยู่ที่ 73.20 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล เพิ่มร้อยละ 0.7 จากราคาปิดเมื่อวันศุกร์ที่แล้ว ทั้งนี้ ตลาดสหรัฐฯ ปิดทำการเมื่อวันจันทร์ เนื่องจาก เป็นวันหยุดราชการ
นายไฮธาม อัล-กาอิส เลขาธิการโอเปก เปิดเผยว่า กลุ่มโอเปก ยินดีต้อนรับอิหร่านผลิตน้ำมันเข้าสู่ตลาดโลกทันทีที่ประชาคมระหว่างประเทศยกเลิกการคว่ำบาตร
#น้ำมันโลก
#โอเปกพลัส
#ประชุมเฟด