การประชุมสภานิติบัญญัติแห่งชาติหรือสนช. แถลงเปิดคดีกระบวนการถอดถอนนาย บุญทรง เตริยาภิรมย์ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ นาย ภูมิ สาระผล อดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ และนาย มนัส สร้อยพลอย อดีตอธิบดีกรมการค้าต่างประเทศในสมัยรัฐบาล นางสาว ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ออกจากตำแหน่ง จากกรณีการทุจริตโครงการระบายข้าวแบบรัฐต่อรัฐหรือจีทูจีในสมัยรัฐบาล ยิ่งลักษณ์ ซึ่งเริ่มขึ้นเมื่อเวลา 09.30 โดยที่ประชุมได้ให้ทางคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ หรือ ปปช. ในฐานะผู้ส่งสำนวนถอดถอนมายังสนช.เป็นผู้แถลงเปิดคดีความผิดผู้กล่าวหาก่อน
นาย วิชา มหาคุณ ตัวแทนคณะกรรมการปปช. ได้เป็นผู้แทนแถลงเปิดคดีว่า โครงการรับจำนำข้าวเปลือกที่มี นางสาว ยิ่งลักษณ์ นั่งเป็นประธานคณะกรรมการนโยบายข้าวแห่งชาติ ทุกหน่วยงาน ได้ทำหนังสือท้วงติงว่าโครงการมีการทุจริตทุกขั้นตอนแต่รัฐบาลขณะนั้น ไม่ได้หยุดยั้งโครงการและไม่ฟังเสียงคัดค้านจากหน่วยงานต่างๆจนนำมาซึ่งความเสียหายหลายแสนล้านบาท และส่งผลต่อนโยบายการคลัง รวมทั้งยังพบว่ามีการทุจริตอย่างกว้างขวางตั้งแต่ระดับผู้ประกอบการโรงสีและผู้เกี่ยวข้องซึ่งต่างได้รับประโยชน์ทุกขั้นตอน ส่งผลให้ราคาข้างสารตกต่ำและชาวนาขายข้าวเปลือกได้ในราครที่ต่ำกว่าปกติท้องตลาด
วิธีการระบายข้าวแบบจีทูจีนั้นต้องได้รับสัญญาจากรัฐบาลทั้งสองฝ่ายอย่างถูกต้องเพื่อสามารถขายข้าวได้ แต่จากการตรวจสอบพบว่าไม่มีการรับมอบสัญญาซื้อขายข้าวจากรัฐบาลทั้งสองฝ่าย คือฝ่ายไทยและฝ่ายจีนที่มีสองบริษัทร่วมในสัญญาค้าข้าวคือ บริษัทกวางตุ้ง สเตชั่นเนอรี่ และบริษัท ไห่หนาน จำกัด รวมทั้งยังพบว่าไม่มีการระบายข้าวออกไปยังสองบริษัทจริง ไม่มีการชำระค่าข้าว และการขายยังผิดวิธีตั้งแต่ต้น รวมทั้งยังพบการทุจริตอีกมาก นอกจากนี้การซื้อขายแบบจีทูจีกลับเป็นการนำข้าวที่จะขายยังสองบริษัทมาขายวนในประเทศ ส่งผลให้ข้าวยิ่งเกินความต้องการตลาดและทำให้ราคาข้าวยิ่งตกต่ำรวมทั้งก่อให้เกิดความเสียต่อระบบคลังด้วย
นาย วิชา ระบุว่า มีข้าราชการหลายคน เช่น นาง ชุติมา บุญยะประภัสสร อดีตอธิบดีกรมการค้าต่างประเทศในขณะนั้นได้โต้แย้งการทำงานของรัฐบาลขณั้นจนทำให้ถูกโยกย้ายจากตำแหน่งเพราะเกมการเมือง และยังชี้ว่านาย บุญทรงในฐานะประธานคณะอนุกรรมการพิจารณาการระบายข้าวร่วมกับนายภูมิและนายมนัส ในฐานะเจ้าหน้าที่รัฐที่มีหน้าที่รักษาและเจรจาการต่อรองราคาข้าวได้ทำผิดกฎหมาย โดยร่วมกับกลุ่มบุคคลเอกชนทุจริต
บริษัทจีนทั้งสองนั้นก็พบว่า มิใช่บริษัทที่ค้าขายข้าวโดยตรง รวมทั้งยังพบว่าการทุจริตการระบายข้าวแบบจีทูจีสร้างความเสียมากกว่า 54,000ล้านบาท ซี่งก่อให้เกิดความเสียหายอย่างร้ายแรง โดยขณะนี้ปปช.ยังตรวจสอบเส้นทางการเงินต่อว่าเงินที่ทำสัญญาค้าข้าวกับสองบริษัทจีนนั้นรัฐบาลได้นำไปกระทำสิ่งใด และจากการตรวจสอบปปช.จึงมีมติชี้มูลด้วยคะแนน 7 เสียง ว่านายบุญทรงพร้อมพวกได้กระทำผิดยืนยันว่าปปช.มิได้กลั่นแกล้งและมีหลักฐานมากพอในการเอาผิดด้วย ทั้งนี้ล่าสุดปปช.ได้ส่งเรื่องดังกล่าวให้อัยการและศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองก็มีคำสั่งรับฟ้อง