สำนักข่าวต่างประเทศ รายงานว่า การหารือร่วมกันระหว่างประธานาธิบดีโจ ไบเดน ผู้นำสหรัฐฯ และนายเควิน แมคคาร์ธี ประธานสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐฯ เรื่องการเจรจาขยายเพดานหนี้ ที่ห้องทำงานรูปไข่ ในทำเนียบขาว สหรัฐฯ เริ่มเวลา 17.30 น.เมื่อวานนี้ (22 พ.ค.66) ตามเวลาท้องถิ่น หรือเมื่อเช้านี้ (23 พ.ค.66) เวลา 04.30 น. ตามเวลาในไทย ใช้เวลาเจรจากว่า 1 ชม. เสร็จสิ้นลงแล้ว แต่ยังไม่สามารถตกลงกันได้เรื่องวิธีการขยายเพดานหนี้สหรัฐฯ จาก 31.4 ล้านล้านดอลลาร์ในปัจจุบัน ก่อนที่จะถึงกำหนดเส้นตายวันที่ 1 มิ.ย.66 ที่นางเจเน็ต เยลเลน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังสหรัฐฯ เตือนว่า จะทำให้การผิดนัดชำระหนี้มีแนวโน้มสูงมากขึ้น
Reuters รายงานว่า ทั้งสองฝ่ายให้คำมั่นจะเดินหน้าเจรจาไปจนกว่าจะสำเร็จ ยังเหลือเวลาเจรจาอีก 10 วัน ก่อนเงินคงคลังของรัฐบาลจะหมด ซึ่งถ้าการเจรจาไม่ประสบความสำเร็จ จะกระทบเศรษฐกิจสหรัฐฯอย่างรุนแรง ตามที่ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังสหรัฐฯ เตือน
นายไบเดน ระบุในแถลงการณ์หลังการเจรจากับนายแมคคาร์ธีว่า รัฐบาลขอย้ำอีกครั้งหนึ่งว่า เรื่องการผิดนัดชำระหนี้ของสหรัฐฯยังไม่เคยเกิดขึ้นจริงสักครั้ง และหนทางที่จะก้าวต่อไปคือ การเจรจาโดยสุจริตใจ ยึดผลประโยชน์ของประเทศเป็นที่ตั้ง ต้องอาศัยความร่วมมือจากทั้งสองพรรค ไม่ใช่ยึดจุดยืนของแต่ละพรรคดังเช่นที่ผ่านมา พร้อมกล่าวถึงภาพรวมการเจรจาในครั้งนี้ว่า ดำเนินไปอย่างสร้างสรรค์
CNBC รายงานว่า นายแมคคาร์ธี ระบุว่า การหารือกับประธานาธิบดีไบเดน มีประสิทธิผล และเป็นมืออาชีพ แต่ยังไม่มีข้อตกลง ทั้งสองฝ่าย ยอมรับว่า ประเด็นหลักในการพูดคุยกันยังคงเป็นเรื่องข้อจำกัดในการใช้จ่าย
นายแมคคาร์ธี กล่าวว่า การหารือครั้งล่าสุดนี้ดีกว่าครั้งก่อนๆ ที่ได้พูดคุยกัน เป็นข้อมูลที่ดีและเป็นประโยชน์กับทีมงานทั้งสองทีมจะกลับมาทำงานร่วมกันตลอดทั้งคืนวันนี้ตามเวลาท้องถิ่น และเร่งทำงานทั้งวันทั้งคืนตลอดเวลาที่เหลือ 10 วัน เพื่อแสวงหาจุดยืนร่วมกันให้ได้ พร้อมแสดงความมั่นใจว่ายังมีเวลาที่ทั้งสองฝ่ายตกลงกันได้เสร็จก่อนวันที่ 1 มิ.ย.66
ขณะเดียวกัน ทั้งตัวนายแมคคาร์ธีและประธานาธิบดีไบเดน รู้ดีถึงกำหนดเส้นตาย ดังนั้น คิดว่า เราควรจะคุยกันทุกวัน จนกว่าจะบรรลุข้อตกลง ในส่วนตัวคิดว่า ในท้ายที่สุดแล้ว เราสามารถหาจุดร่วมได้ ทำให้เศรษฐกิจแข็งแกร่งขึ้น ดูแลหนี้ก้อนนี้ แต่ที่สำคัญกว่านั้นคือ การให้รัฐบาลสามารถควบคุมอัตราเงินเฟ้อได้ เราพึ่งพาจีนน้อยลง และจัดสรรเงินให้เป็นระบบ
#สหรัฐฯ
#ขยายเพดานหนี้
CR:Reuters,CNBC,The New York Times