หุ้นดาวโจนส์ร่วง! รอผลเจรจาขยายเพดานหนี้สหรัฐ ระหว่างผู้นำสหรัฐ-ประธานสภาฯ

          ประธานาธิบดีโจ ไบเดน ผู้นำสหรัฐ และนายเควิน แมคคาร์ธี ประธานสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐ จะทำการเจรจาขยายเพดานหนี้ในวันนี้ หลังการเจรจาระหว่างคณะทำงานของพรรครีพับลิกันและเดโมแครตในสัปดาห์ที่แล้วไม่มีความคืบหน้า ส่งผลทำให้ ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์เปิดตลาด อยู่ที่ 33,235.30 จุด ลดลง 191.33 จุด

          ก่อนหน้านี้ ประธานาธิบดีไบเดน กล่าวหลังการประชุมกลุ่มG7 กล่าวว่า ยินดีที่จะลดการใช้จ่ายพร้อมทั้งปรับภาษีเพื่อให้บรรลุข้อตกลง แต่ข้อเสนอล่าสุดของพรรครีพับลิกัน ยังรับไม่ได้ ทำให้ไม่สามารถให้สัญญากับกลุ่มG7 ได้ว่า สหรัฐฯจะไม่ผิดนัดชำระหนี้ พร้อมทั้งทวีตข้อความว่า ไม่เห็นด้วยกับการปกป้องบริษัทน้ำมัน ในขณะที่ชาวอเมริกันมีความเสี่ยงสูงในเรื่องชีวิตความเป็นอยู่และการดูแลสุขภาพ  

          การเพิ่มเพดานหนี้เป็นสิ่งจำเป็นสำหรับรัฐบาลสหรัฐฯเพื่อให้ครอบคลุมภาระผูกพันด้านการใช้จ่ายที่ได้รับอนุมัติจากสภาคองเกรสและประธานาธิบดีแล้ว เพื่อป้องกันการผิดนัดชำระหนี้ การเพิ่มเพดานหนี้ไม่ได้อนุญาตให้มีการใช้จ่ายใหม่ แต่พรรครีพับลิกัน กล่าวว่าพวกเขาจะไม่เพิ่มวงเงินหากประธานาธิบดีไบเดนและฝ่ายนิติบัญญัติไม่เห็นด้วยกับการลดค่าใช้จ่ายในอนาคต

          ส่วนราคาหุ้นบริษัท เมตา แพลตฟอร์มส์ (Meta Platforms) ซึ่งเป็นบริษัทแม่ของเฟซบุ๊ก พุ่งขึ้นกว่า 2% ในการซื้อขายวันนี้ แม้สหภาพยุโรป (EU) ประกาศปรับบริษัทเป็นจำนวนเงิน 1.2 พันล้านยูโร (1.3 พันล้านดอลลาร์) หรือราว 45,000 ล้านบาท เนื่องจากละเมิดกฎระเบียบเกี่ยวกับการปกป้องข้อมูลของลูกค้าใน EU

          นอกจากนี้ นักลงทุนยังจับตารายงานการประชุมประจำเดือนพ.ค.ของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ที่จะมีการเปิดเผยในสัปดาห์นี้ รวมทั้งตัวเลข GDP ไตรมาส 1/2566 (ประมาณการครั้งที่ 2) และดัชนีราคาการใช้จ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคล (PCE) เดือนเม.ย. โดยดัชนี PCE เป็นมาตรวัดเงินเฟ้อที่เฟดให้ความสำคัญ เนื่องจากสามารถตรวจจับการเปลี่ยนแปลงในพฤติกรรมของผู้บริโภค และครอบคลุมราคาสินค้าและบริการในวงกว้างมากกว่าข้อมูลดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI)

#เศรษฐกิจสหรัฐ

 

แฟ้มภาพ