สธ.ติดตามเด็กเปิดเทอมติดโควิดเพิ่มแน่! แต่ไม่ต้องหยุดเรียน-โควิด FU.1 ยังไม่รุนแรง

18 พฤษภาคม 2566, 14:45น.


           กรณีผู้เชี่ยวชาญทั่วโลกประสานความร่วมมือเฝ้าติดตามโควิดโอไมครอน“FU.1”หรือ XBB.1.16.1.1หลานของ XBB.1.16 นพ.ศุภกิจ ศิริลักษณ์ อธิบดีกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า มีความได้เปรียบในการเติบโตและแพร่ระบาดสูงกว่า XBB.1.16 ถึง 50% ไทยพบแล้ว 1 คน เป็นข้อมูลที่กรมวิทย์ฯ รายงานเข้าสู่ฐานข้อมูลโควิดโลก หรือ GISAID  ซึ่งกรมมีการติดตามและสุ่มตรวจถอดรหัสสายพันธุ์อย่างต่อเนื่อง เท่าที่ติดตามแม้จะมีการแพร่ระบาดเร็ว แต่ยังไม่พบความรุนแรงของโรค จนส่งผลให้เกิดการเสียชีวิตมาก ทั้งนี้ การแพร่ระบาดเร็วอาจจะมาจากปัจจัยอื่นๆ ด้วย ทั้งการรวมตัวทำกิจกรรมมากของผู้คนที่มีมากขึ้น รวมถึงคนใส่หน้ากากอนามัยน้อยลง เนื่องจาก บางคนก็เห็นว่าเป็นเพียงไข้หวัดธรรมดา ไม่อยากให้กังวล เพราะธรรมชาติของไวรัสมีการกลายพันธุ์ไปหลายสายพันธุ์จำนวนมาก กรมยังติดตามเฝ้าระวังต่อเนื่อง



           ด้าน นพ.จักรรัฐ พิทยาวงศ์อานนท์ ผู้อำนวยการกองระบาดวิทยา กล่าวถึง สถานการณ์โรคโควิด-19 ว่า เป็นไปตามที่เราคาดการณ์ไว้ เนื่องจากมีการผ่อนคลายมาตรการต่างๆ เพราะโควิด-19 กลายเป็นโรคประจำถิ่น เพราะคนถอดหน้ากากอนามัย และมีกิจกรรมกันมากมาย ประกอบกับภูมิคุ้มกันเริ่มลดลง เพราะคนฉีดวัคซีนมานาน หลายคนฉีดวัคซีนเกิน1 ปีหลังจากฉีดเข็มสุดท้ายทำให้มีความเสี่ยงในการติดเชื้อเพิ่ม



           ดังนั้น ยังจำเป็นมีมาตรการ เช่น  



1. ต้องการให้คนทุกคนมีภูมิคุ้มกันเรียกว่าสูงเพียงพอที่จะป้องกันการติดเชื้อได้ต่อเนื่อง แม้ตอนนี้จะเป็นโอไมครอนที่ทำให้มีอาการน้อยก็ตาม แต่ หากภูมิคุ้มกันน้อย และเป็นกลุ่มเสี่ยงเมื่อภูมิคุ้มกันไม่พอก็มีโอกาสทำให้เกิดอาการรุนแรงได้ โดยเฉพาะกลุ่มเสี่ยง 608 ผู้สูงอายุ ผู้มีโรคประจำตัว ดังนั้นจึงต้องรณรงค์ต่อเนื่องคนกลุ่มเสี่ยงขอให้มาฉีดวัคซีนเข็มกระตุ้นหรือ แอนติบอดีสำเร็จรูป LAAB 



 2.กรณีกลุ่มเสี่ยงที่ฉีดวัคซีนมานานแล้ว หรือเป็นกลุ่มเสี่ยงเมื่อติดเชื้อขอให้รีบไปพบแพทย์ ได้รับยาต้านไวรัสเพื่อรักษาให้ทัน



3.เฝ้าระวังต่อเนื่อง ในกลุ่มต่างๆโดยเฉพาะที่เป็นคลัสเตอร์หรือกลุ่มต่างชาติ ซึ่งขณะนี้กรมควบคุมโรคและกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ได้ดูแลร่วมกันหากมีคลัสเตอร์หรือกลุ่มชาวต่างชาติเข้ามาก็จะเก็บตัวอย่างเพื่อส่งเชื้อตรวจหาสายพันธุ์ อย่างกรณีชาวต่างชาติได้ร่วมกับโรงพยาบาลเอกชนในการส่งตัวอย่างเพื่อตรวจหาสายพันธุ์เช่นกัน สำหรับตอนนี้โควิด-19 ยังเป็นสายพันธุ์ XBB ยังไม่ใช่ตัวใหม่ ซึ่งเราก็ติดตามต่อเนื่อง



         วันนี้มีการเปิดเทอมวันแรกดังนั้นกลุ่มเด็กจึงเป็นอีกกลุ่มหนึ่งที่ต้องเฝ้าระวังและคาดว่าจะมีการติดเชื้อเพิ่ม ซึ่งก่อนหน้านี้กรมควบคุมโรคได้มีข้อแนะนำผ่านกระทรวงศึกษาธิการ ไปถึงโรงเรียน หากพบเด็กที่มีอาการก็ขอให้ตรวจATK โดยเด็กนักเรียนที่ติดเชื้อไม่จำเป็นต้องหยุดเรียนขึ้นอยู่กับมาตรการของโรงเรียนนั้นว่า หากไม่มีอาการมากสามารถแยกห้องเรียน หรือแยกไม่ให้รับประทานอาหารร่วมกับเพื่อนหรือบุคคลอื่นๆ หากติดเชื้อเป็นกลุ่มก็สามารถแยกห้องในการเรียนการสอนหรือเรียนออนไลน์ได้ อยู่ที่ความเหมาะสมของสถานการณ์และโรงเรียนจะออกมาตรการ



          ปัจจัยเสี่ยงอยู่ที่การรับประทานอาหาร หากเป็นเด็กเล็กมีกิจกรรมเล่นกันก็ทำให้เสี่ยงติดเชื้อได้ อย่างไรก็ตาม ที่ผ่านมามีรายงานการติดเชื้อเป็นคลัสเตอร์ประปรายเข้ามาที่กรมควบคุมโรค ทั้งใน กทม.และต่างจังหวัด อย่างในโรงเรียนก็จะเป็นระดับประถมศึกษา แต่กลุ่มเด็กไม่ได้น่าห่วงมากในเรื่องของความรุนแรงเพราะอาการไม่มากและหายได้ แต่ที่น่าห่วง คือ กลุ่มผู้สูงอายุที่เด็กลูกหลานจะนำเชื้อไปติดปู่ย่าตายาย ซึ่งหากกลุ่มผู้สูงอายุกลุ่มเสี่ยงที่มีโรคประจำตัวไม่ได้ฉีดวัคซีนป้องกันหรือฉีดวัคซีนเข็มกระตุ้นก็จะเสี่ยงอาการรุนแรงและอันตรายได้ดังนั้นหากผู้สูงอายุหรือกลุ่มเสี่ยงติดเชื้อขอให้เข้าโรงพยาบาลเพื่อรักษาตัวจะดีที่สุด



           กรณีการรับประทานอาหารในร้านอาหารหรือบุฟเฟต์ต่างๆมีความเสี่ยงด้วยหรือไม่ นพ.จักรรัฐ กล่าวว่า มีความเสี่ยงเช่นกัน ดังนั้น หากเรามีภูมิคุ้มกันก็จะช่วยเรื่องป้องกันอาการรุนแรงได้



 



#โควิด19



แฟ้มภาพ



CR:Hfocus 



 



 

ข่าวทั้งหมด

X