ประกาศภาวะฉุกเฉินในรัฐยะไข่ เมียนมา บ้านเรือนเสียหายจากไซโคลน 'โมคา' ถล่ม ตาย 6

          หลังพายุไซโคลนโมคาพัดถล่มพื้นที่ชายฝั่งบังกลาเทศ-เมียนมาตั้งแต่เมื่อบ่ายวานนี้ เมียนมาได้รับความเสียหายหนักกว่าบังกลาเทศ โดยกรมอุตุนิยมวิทยาของเมียนมารายงานว่า พายุพัดถล่มรัฐยะไข่ด้วยความแรงลม 209 กิโลเมตรต่อชั่วโมง

          บีบีซีรายงานว่า รัฐบาลเมียนมาประกาศให้รัฐยะไข่ ทางภาคตะวันตกของเมียนมา เป็นพื้นที่ประสบภัยพิบัติทางธรรมชาติ โดยเฉพาะเมืองซิตตเว เมืองเอกของรัฐยะไข่ มีคนเสียชีวิต 6 ราย รวมถึงเด็กชายวัย 14 ปีหนึ่งราย เสียชีวิตหลังถูกต้นไม้ล้มทับ ร้อยละ 90 ของบ้านเรือน และระบบสาธารณูปโภค เช่น เสาไฟฟ้าและเสาสัญญาณระบบโทรคมนาคมหักโค่นในเมืองซิตตเว ไฟฟ้าดับ ระบบอินเตอร์เน็ตล่ม ใช้งานไม่ได้ ด้านกาชาดเมียนมา ระบุว่า กาชาดเตรียมลงพื้นที่เพื่อแจกจ่ายสิ่งของบรรเทาทุกข์แก่ประชาชนในพื้นที่ประสบภัย

          ส่วนบังกลาเทศ อีกทั้งพายุไม่ได้ขึ้นฝั่งในบริเวณค่ายอพยพเมืองค็อก บาซาร์ ค่ายอพยพชาวโรฮิงญาที่หลบหนีการปราบปรามผู้อพยพในรัฐยะไข่ เมียนมา เพื่อนบ้านในปี 2560 แม้ว่าอาคารพักพิงชั่วคราวหลายร้อยหลังในค่ายอพยพจะเสียหายจากพายุ

          นายคัมรุล ฮาซาน เจ้าหน้าที่ด้านบริหารจัดการภัยพิบัติของบังกลาเทศระบุว่าไม่มีความเสียหายต่อทรัพย์สินสำคัญๆของประชาชนในบังกลาเทศ แต่มีรายงานเรื่องน้ำท่วมและเกิดเหตุดินสไลด์ 2 แห่ง ไม่มีคนเสียชีวิต ก่อนหน้านี้ มีการอพยพชาวบ้าน 750,000 คนจากพื้นที่เสี่ยงเช่น อยู่ในพื้นที่ลุ่มต่ำ ก่อนพายุขึ้นฝั่ง ขอให้ชาวประมงงดการทำงานชั่วคราว พร้อมจัดตั้งศูนย์พักพิงชั่วคราว 1,500 แห่งรองรับผู้อพยพ

          ก่อนหน้านี้ พายุไซโคลนนาร์กิสพัดถล่มพื้นที่ชายฝั่งทางภาคใต้ของเมียนมาในปี 2551 มีคนเสียชีวิต 140,000 ราย กระทบชาวบ้านหลายล้านคน ส่วนใหญ่เสียชีวิตจากคลื่นทะเลสูง 3.5 เมตรไหลเข้าท่วมบ้านเรือนในพื้นที่ลุ่มต่ำในแถบลุ่มแม่น้ำอิระวดี

#เมียนมา

#ภาวะฉุกเฉินในรัฐยะไข่